Emissary Zero เกมสยองขวัญแบบ Co-op ได้กลายเป็นหนึ่งในเกมอินดี้ที่ประสบความสำเร็จอย่างไม่คาดคิดบน Steam ด้วยยอดขายกว่า 150,000 ชุด และรีวิวในแง่บวกกว่า 82% แต่ล่าสุด Rone Vine ผู้พัฒนาเกมนี้เพียงคนเดียว ก็ได้ออกมาเปิดเผยเรื่องราวเบื้องหลังที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายและเกือบจะล้มเหลวไม่เป็นท่า
เว็บไซต์ GamesRadar+ รายงานโดยอ้างอิงจากโพสต์ของ Rone Vine บน Reddit ในหัวข้อ "ผมสร้างเกมสยองขวัญที่บังเอิญขายได้ 150,000 ชุดได้อย่างไร" ซึ่งเขาได้เล่าถึงเส้นทางการพัฒนาที่เต็มไปด้วยอุปสรรค
Vine ซึ่งเป็นนักพัฒนาเดี่ยวที่สอนตัวเองทำเกม เล่าว่าเขาลาออกจากงานฟรีแลนซ์ในปี 2024 เพื่อมาทุ่มเทให้กับโปรเจกต์นี้เต็มเวลา แต่ด้วยเงินทุนที่ร่อยหรอลงเรื่อย ๆ เขาจึงจำเป็นต้องวางจำหน่ายเกมให้ได้ภายในเดือนมีนาคม 2025 เพื่อที่จะได้รับเงินส่วนแบ่งจากยอดขายในเดือนพฤษภาคม "ผมไม่มีเงินเหลืออยู่เลย" เขากล่าว
สถานการณ์บีบคั้นทำให้ 3 เดือนสุดท้ายก่อนเกมวางจำหน่ายกลายเป็น "ช่วงเวลาที่ทำงานหามรุ่งหามค่ำอย่างหนักหน่วง" เนื้อเรื่องของเกมถูกเขียนเสร็จสมบูรณ์เพียง 3 วันก่อนวางจำหน่าย แต่ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดเกิดขึ้นเมื่อ 3 สัปดาห์ก่อนวันวางจำหน่าย Steam ได้ปฏิเสธตัวเกมของเขา เนื่องจากมีข้อกังวลด้านลิขสิทธิ์ที่ตัวละครศัตรูตัวหนึ่งดูคล้ายกับ Slenderman มากเกินไป
"การสื่อสารกับทีมซัพพอร์ตและการอนุมัติตัวเกมใหม่ใช้เวลาพอสมควร แต่โชคดีที่มันได้รับการแก้ไขในที่สุด สองวันก่อนวางจำหน่าย Steam ก็ได้อนุมัติตัวเกม" Vine เล่าถึงช่วงเวลาที่บีบคั้นหัวใจ
หลังจากวางจำหน่าย ตัวเกมซึ่งแทบจะไม่มีการตลาดใด ๆ เลย ก็เริ่มต้นอย่างเงียบ ๆ พร้อมกับรีวิวในระดับ "ผสม" จากปัญหาด้านประสิทธิภาพ แต่หลังจากที่เขาเร่งปล่อยแพตช์แก้ไขอย่างรวดเร็ว จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญก็มาถึงในเดือนเมษายน เมื่อมี วิดีโอ TikTok เกี่ยวกับเกมของเขากลายเป็นไวรัล และทำให้ยอดขายพุ่งสูงขึ้นอย่างถล่มทลาย
ปัจจุบัน Emissary Zero ขายไปได้แล้วกว่า 150,000 ชุด และ Rone Vine ก็กำลังเริ่มต้นทำงานกับเกมภาคต่อแล้ว "เกมนี้เป็นประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร" เขาสรุป "มันเริ่มจากโปรเจกต์เล็ก ๆ แต่จบลงด้วยการเกินความคาดหมายทั้งหมด สำหรับผมแล้ว นั่นคือความสำเร็จ"
ที่มา GamesRadar+