Title for table of content..
ณ ใจกลางของ Night City เมืองที่ไม่เคยหลับใหล ไม่ใช่เพราะความมีชีวิตชีวา แต่เพราะไม่มีใครได้พัก ไม่มีใครได้นิ่ง และไม่มีใครได้ “มีชีวิต” อย่างแท้จริง โลกแห่ง Cyberpunk 2077 และ Cyberpunk: Edgerunners อาจดูต่างกันในรูปแบบ ว่าหนึ่งคือเกม หนึ่งคืออนิเมะ แต่ลึกลงไปกว่านั้น พวกมันคือกระจกสองบานที่สะท้อนความจริงเดียวกัน “ความฝันในเมืองนี้ คือฝันร้ายที่ปลอมตัวมาดีเกินไป”

เส้นทางของคนที่ไม่มีสิทธิ์เลือก ความฝันที่แลกมาด้วยชีวิต
ใน Cyberpunk 2077 ผู้เล่นจะได้รับบทเป็น “V” มนุษย์ที่ต้องพึ่งพาเหล่าอวัยวะไซเบอร์ เพื่อควบคุม และหาทางรอดให้กับชีวิตตัวเอง ท่ามกลางสังคมอันเน่าเฟะ ในอำนาจมืดที่ไม่อาจต่อกรได้ การตัดสินใจในการกระทำสิ่งต่างๆ ของ V นั้น เลยดูเหมือนเป็น “ทางเลือก” ที่ท้ายที่สุดตัวของเขา ที่ไม่ว่าจะยังไงก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากระบบของสังคมที่ใหญ่เกินควบคุม
ตรงกันข้าม Edgerunners ที่จะพาเราติดตามชีวิตของ David Martinez เด็กหนุ่มชนชั้นล่าง ที่เข้าเรียนในโรงเรียนของบริษัทยักษ์ใหญ่ ก่อนถูกผลักเข้าสู่โลกของอาชญากรรม ด้วยความฝันอันสูงสุดอย่าง “การเป็นคนสำคัญ” ในเมืองแห่งนี้ แม้ว่าราคาที่ต้องจ่ายนั่นก็คือร่างกาย จิตใจ และในชีวิตของเขาก็ตาม
แม้ทั้ง 2 จะมีวิธีที่ต่างการดำเนินเรื่อง ด้านตัวเกมเกมที่เปิดโอกาสให้เลือกเส้นทาง กับด้านอนิเมะที่กำหนดโชคชะตาไว้แล้ว แต่ทั้งสองก็ล้วนพูดถึงสิ่งเดียวกัน "ไม่มีใครรอดได้ในไนท์ซิตี้ ถ้าไม่ยอมเสียอะไรบางอย่างไป"

เราคือใคร เมื่อตัวตนคือสิ่งที่ถูกลบเลือน
อีกหนึ่งจุดร่วมที่เป็นประเด็นในโลก Cyberpunk ที่ได้ถูกเล่าออกมานั่นก็คือ "ความเป็นมนุษย์" ที่สั่นสะเทือนอยู่ใต้เนื้อเรื่องทั้งคู่
- V ค่อย ๆ สูญเสียตัวตนให้กับ Johnny Silverhand นักปฏิวัติผู้ตายไปแล้ว แต่ยังหลงเหลืออยู่ในสมองของเขา จนความขัดแย้งในตัวเองทำให้ผู้เล่น ต้องมักที่จะถามกับตัวเองอยู่เสมอว่า “V คนเดิมยังอยู่ไหม? ” หรือกลายเป็นแค่ซากในหัวของใครบางคนไปแล้ว
- และในส่วนฝั่งของ David เราก็ได้เห็นถึงการสูญเสียสภาพจิตใจของความเป็นมนุษย์ จนได้หลุดเข้าสู่ภาวะ “ไซเบอร์ไซโคซิส” อันบ้าคลั่ง เขาอัปเกรดร่างกายจนเกินขีดจำกัดของจิตใจ ทำให้ความฝันของเขาค่อยๆ กินพื้นที่ของสติสัมปชัญญะ และเมื่อถึงจุดหนึ่ง เขาก็กลายเป็นสิ่งที่แม้แต่เขาเองก็ไม่รู้จัก จากเด็กน้อยที่เริ่มจากความไร้เดียงสา ต้องมาจบลงด้วยการกลายเป็นเครื่องจักรสังหาร เพื่อลงมือทำสิ่งเดี๋ยวที่เขายังเหลืออยู่ นั่นคือการช่วยคนที่เขารัก
ในโลกที่คนสามารถเปลี่ยนแขนเป็นอาวุธ แทนหัวใจด้วยโลหะ และแทนอดีตด้วยชิปข้อมูล คำถามคือ “ความเป็นมนุษย์” ยังเหลืออยู่ตรงไหน?
“ทั้งสองเรื่องจึงไม่ใช่แค่เรื่องของ Cyberpunk แต่มันคือบทกวีอันเจ็บปวดของมนุษย์ ที่พยายามไขว่คว้าความเป็นมนุษย์ไว้ ในโลกที่ไม่เหลือพื้นที่ให้กับความรู้สึกอีกแล้ว”

ไนท์ซิตี้ ไม่มีใครรอด แต่ก็ไม่มีใครยอมแพ้
แม้ Cyberpunk 2077 จะให้ผู้เล่นเลือกเส้นทางของตน และ Edgerunners จะบอกเล่าเส้นทางที่ถูกกำหนดไว้ล่วงหน้า แต่ทั้งสองเรื่องราวก็ต่างสะท้อนความเป็นจริงของไนท์ซิตี้อย่างชัดเจน ว่าเมืองนี้ ไม่ใช่ที่ “สำหรับคนที่อยู่รอด” แต่เป็นที่ของ “คนที่ทิ้งความยิ่งใหญ่ และหัวใจของความเป็นมนุษย์ไว้ก่อนจะตาย”
- V ได้ทิ้งตำนานของตัวเองไว้ ไม่ว่าจะในฐานะฮีโร่ นักฆ่า หรือเดนข้างถนน
- David ทิ้งคำถามว่า “การเป็นใครบางคน” คุ้มกับการสูญเสียทุกอย่างหรือไม่
ในเมืองที่ความตายเป็นเรื่องธรรมดา และการถูกลืมคือรูปแบบหนึ่งของการถูกฆ่าอีกครั้ง ทั้ง 2 ต่างก็พยายามที่จะ “ฝากอะไรบางอย่างไว้” ให้โลกนี้จำ พวกเขาไม่ได้แค่ต้องการมีชีวิต พวกเขาต้องการความหมาย

พวกเขาไม่ใช่ฮีโร่ ไม่ใช่คนพิเศษ และไม่ใช่คำตอบของระบบ พวกเขาคือผลลัพธ์ของเมืองที่ไม่เคยมีที่ว่างให้กับมนุษย์ และในที่สุด ทุกเสียง ทุกความหวัง ทุกตัวตน ก็ค่อยๆ สลายไปในเสียงฮัมเบาๆ ของแสงนีออนที่ไม่เคยหลับตา เส้นทางของพวกเขาอาจต่างกัน แต่ปลายทางนั่นกลับเหมือนกัน นั่นคือความเข้าใจในตัวตน และการไม่ยอมให้โลกนี้ กลืนกินศักดิ์ศรีของความมนุษย์ของพวกเขาไปอย่างหมดจด
"ไนท์ซิตี้ไม่เคยเปลี่ยน แต่คนที่เดินผ่านมันไปนั้น...ไม่เคยกลับออกมาเหมือนเดิม"