หากจะพูดถึงวรรณกรรมที่อิงประวัติศาสตร์จนเป็นอมตะของโลกแล้ว ก็คงไม่มีใครไม่รู้จัก “สามก๊ก” หรือ Three Kingdoms อย่างแน่นอน หนึ่งในวรรณกรรมคลาสสิกของจีนที่ทรงอิทธิพลอย่างยิ่ง ไม่เพียงเฉพาะในโลกของวรรณกรรมเท่านั้น แต่ยังได้แผ่ขยายไปสู่สื่อแทบทุกประเภท รวมถึงการ์ตูนญี่ปุ่น ที่มักหยิบยืมโครงเรื่อง ตัวละคร และเหตุการณ์จากสามก๊กมาดัดแปลงใหม่ในหลากหลายรูปแบบอีกด้วย
หนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ “สามก๊ก” มักที่จะถูกนำมาตีความซ้ำแล้วซ้ำเล่า นั่นก็คือ “ความยืดหยุ่น” ของโครงเรื่อง ที่เปิดโอกาสให้ถ่ายทอดออกมาได้หลายแนว ตั้งแต่ประวัติศาสตร์เข้มข้น ไปจนถึงแฟนตาซีไซไฟเหนือจินตนาการ อีกทั้งสามก๊กยังเป็นวรรณกรรมเก่าแก่ที่ไร้ลิขสิทธิ์ จึงเปิดกว้างให้ใครก็ตามสามารถนำไปดัดแปลงได้อย่างเสรี โดยไม่ต้องกังวลเรื่องข้อกฎหมาย
จนทำให้ความคลาสสิกของตัวละครอย่าง เล่าปี่, โจโฉ, ขงเบ้ง และลิโป้ รวมถึงพล็อตที่อัดแน่นด้วยกลยุทธ์ การเมือง และมิตรภาพ ได้รวมกันจนทำให้สามก๊กกลายเป็นขุมทรัพย์ทางวัฒนธรรมที่ศิลปินทั่วโลก โดยเฉพาะนักวาดการ์ตูนญี่ปุ่น ที่ก็มักจะหยิบนำเอาสิ่งต่างๆ ภายในเรื่องราวเหล่านี้ ไปใช้อย่างไม่รู้จบ ที่บางครั้งก็เล่าเรื่องใกล้เคียงต้นฉบับ แต่ในหลายครั้งก็กลายเป็นการพา “ออกทะเล” จนกลับฝั่งมาได้ยาก

เหล่าตัวอย่าง ของการดัดแปลงจากสามก๊ก
- Sangokushi – ผลงานของเออิจิ โยชิคาวะ นำเสนอสามก๊กในแนวคลาสสิกตามวรรณกรรมต้นฉบับ เหมาะสำหรับผู้ที่อยากเข้าใจโครงเรื่องหลักในมุมมองแบบญี่ปุ่น
- Ikkitousen (มหาสงครามลูกแก้วมากะ) – ดัดแปลงขุนศึกให้กลายเป็นนักเรียนมัธยมหญิง มีฉากต่อสู้และเนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่อย่างชัดเจน
- Dragon Sister – สามก๊กฉบับ “รวมสาว” ที่เปลี่ยนตัวละครหลักเป็นผู้หญิงทั้งหมด เช่น ลิโป้กลายเป็นเด็กสาวไร้เดียงสา เนื้อเรื่องกระชับแต่เร้าใจ
- และ Koihime Musou (สามก๊กโมเอะ) – จากเกม H วางแผนกลายเป็นอนิเมะชื่อดัง แม้จะเตือนว่าไม่เกี่ยวกับสามก๊กโดยตรง แต่ก็มีองค์ประกอบที่ชวนให้นึกถึงอย่างชัดเจน
สามก๊กสาวน้อย และมิตรภาพไร้พรมแดน
ย้อนกลับสู่ยุคสามก๊กอันวุ่นวายในประวัติศาสตร์จีน เมื่อราชวงศ์ฮั่นเสื่อมถอย การปกครองที่อ่อนแอเปิดทางให้ความวุ่นวายกระจายไปทั่วแผ่นดิน โจรผู้ร้ายชุกชุม สงครามเกิดขึ้นแทบไม่เว้นวัน จนกลายเป็นยุคแห่งความไม่สงบโดยสมบูรณ์ จุดเริ่มต้นของ Koihime Musou นั่นเริ่มมาจาก ในอีกโลกหนึ่ง ฮนโก คาสุโตะ เด็กหนุ่มมัธยมปลายในญี่ปุ่นยุคปัจจุบัน บังเอิญพบวัตถุโบราณ และทำมันแตก เขาจึงถูกส่งข้ามมิติมายังยุคสามก๊ก ในสภาพมึนงง และกำลังถูกโจรปล้น แต่โชคดีที่มีสองสาวจอมยุทธ์เข้ามาช่วยไว้ทัน ซึ่งต่อมาคาสุโตะจึงรู้ว่าพวกเธอคือ “กวนอู” และ “เตียวหุย”
ซึ่งในท้ายที่สุด คาสุโตะ ก็จะได้พบว่าตัวละครทั้งหมดในสามก๊กกลายเป็น “สาวน้อย” ไปหมดเสียแล้ว ไม่ว่าจะเป็น ขงเบ้งขี้อาย, โจโฉซึนเดเระ, อ้วนเสี้ยวจอมเอาแต่ใจ, ลิโป้ผู้เกลียดความรุนแรง หรือซุนกวนที่อกโตจนน่าตกใจ ทำให้ในโลกใบนี้ คาสุโตะจึงได้กลายเป็นที่รักของเหล่าสาวสามก๊ก และด้วยความรู้เรื่องสามก๊กที่เขามี เขาจึงรับบทเป็นนักวางแผนร่วมเดินทางเพื่อยุติสงคราม และสร้างฮาเร็มเล็กๆ ของตนเอง
Koihime Musou ในสื่อต่างๆ
• ฉบับเกม: ตัวเกมก็จะให้ผู้เล่น สวมบทเป็นพระเอก เลือกฝ่าย วางแผนการรบ และปลดล็อกฉากจบหลากหลาย รวมถึงฉากแนวผู้ใหญ่
• ฉบับอนิเมะ: จะเป็นการตัดตัวละครชายออก และจะเน้นไปที่กวนอูเป็นตัวเอก ในการออกเดินทางพบเพื่อนใหม่ พร้อมเล่าเหตุการณ์ต่างๆ ในสามก๊ก

การดัดแปลงผลงานสาธารณะ สู่ความเป็น “โมเอะ”
แน่นอนว่าการกระทำอะไรเหล่านี้ มีก็ต้องมีเสียงวิจารณ์อยู่ไม่น้อย เกี่ยวกับการดัดแปลงสามก๊กให้กลายเป็นเรื่อง “ผิดเพี้ยน” หรือ “ไปในทางเรื่องอย่างว่า” แต่แท้จริงแล้ว “สามก๊ก” นั้น เป็นวรรณกรรมสาธารณะที่ไร้ลิขสิทธิ์ และมีการตีความได้หลากหลายตามยุคสมัย และคำว่า “โมเอะ” ก็เป็นคำศัพท์ญี่ปุ่น ที่หมายถึงความชื่นชอบตัวละครที่ดูน่ารัก มีเอกลักษณ์ เช่น สาวแว่น สาวขี้อาย หรือสาวซึน และนั่นเองก็ทำให้ Koihime Musou ได้นำบุคลิกดั้งเดิมของตัวละครสามก๊ก มาดัดแปลงให้น่ารักขึ้น โดยยังคงรักษาแก่นเดิมของพวกเขาไว้ในระดับหนึ่ง
มิตรภาพที่กว่าเหนือความขัดแย้ง
ทางทีมผู้สร้าง Koihime Musou ได้เคยกล่าวไว้ว่า “เราไม่เคยเห็นตัวละครสามก๊กใช้ชีวิตร่วมกัน โดยไม่ขัดแย้งหรือหวังผลประโยชน์ใดๆ เลย” และนั่นก็คือสิ่งที่ Koihime Musou ได้นำเสนอจนกลายเป็นจุดเด่น แม้ว่าในวรรณกรรมต้นฉบับจะเต็มไปด้วยสงคราม และการตายของตัวละคร แต่ Koihime Musou กลับเลือกให้ทุกคนอยู่ร่วมกันอย่างสามัคคี แม้จะมีความติ๊งต๊องหรือความเวอร์วังอยู่บ้าง แต่ก็สร้างความสบายใจให้แก่ผู้ชม แม้จะมีภาพลักษณ์ว่าเป็น “การ์ตูนเซอร์วิส” แต่การ์ตูนเซอร์วิสเรื่องนี้ก็ได้สอดแทรกคุณค่าของมิตรภาพ ความรัก และอ่อนโยน

สาระที่ซ่อนอยู่ในความบันเทิง
Koihime Musou นั้น มักจะถูกได้รับคำวิจารณ์อยู่เสมอในเรื่องที่ว่ามัน “ไร้สาระ” และ “เนื้อเรื่องไม่เดิน” แต่หากเราได้มองย้อน และได้วิเคราะห์มันดูให้ดี เราก็จะได้มองเห็นถึงอีกหนึ่งมุม ตัวของมันนั้นไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อเล่าเรื่องสงครามแบบสมจริง แต่เพื่อเปิดมุมมองใหม่ให้กับสามก๊ก และกระตุ้นให้ผู้ชมสนใจต้นฉบับมากขึ้น เช่นเดียวกับ Gintama ที่ดัดแปลงตัวละครประวัติศาสตร์ให้มีชีวิตชีวา และเข้าถึงได้ง่าย Koihime Musou ก็สามารถทำให้ผู้ชมรุ่นใหม่สามารถเข้าถึงสามก๊กในแบบที่สนุก และเบาสมองยิ่งกว่าเดิมได้เช่นกัน