Minh Gooseman Le ผู้ร่วมสร้างเกม Counter-Strike ซึ่งได้สร้างม็อดของเกม Half-Life ที่กลายเป็นไอคอนของวงการเกม FPS ร่วมกับ Jess Cliffe เมื่อประมาณ 25 ปีก่อน ได้ออกมากล่าวว่าเขา 'ค่อนข้างเสียใจ' ที่ตัดสินใจออกจาก Valve หลังจากที่บริษัทได้ซื้อตัวเขาและเกมไป
เว็บไซต์ GamesRadar รายงานบทสัมภาษณ์ของ Le กับสื่อ PCGamesN ที่เขาระลึกถึงช่วงแรกๆ ของการเข้าร่วมงานกับ Valve และการหารือเกี่ยวกับอนาคตของ Counter-Strike โดย Le กล่าวว่าทีมงานที่ Valve คือ 'ไอดอล' ของเขา ดังนั้นเขาจึงคว้าโอกาสที่จะเข้าร่วมงานกับบริษัทในทันที
"ผมได้พูดคุยกับ Gabe Newell และผู้บริหารระดับสูงบางคน และเราก็ได้ข้อสรุปว่าผมไม่สามารถทำงานกับเกมที่ผมสามารถปั้นแต่งมันได้ในแบบที่ผมปั้นแต่ง Counter-Strike" Le กล่าว "เราทั้งคู่ตระหนักว่า Counter-Strike ได้มาถึงจุดสูงสุดของมันแล้ว มันเป็นไปไม่ได้ที่เราจะเปลี่ยนแปลงมันในทางใดทางหนึ่ง เพราะชุมชนผู้เล่นคุ้นเคยกับมันมากเกินไป ผมต้องการที่จะสร้างฟีเจอร์ที่แตกต่างออกไปอย่างมาก"
Minh Gooseman Le
ดังนั้น Le จึงได้ลาออกและในที่สุดก็ได้สร้างเกมยิงของตัวเองในชื่อ Tactical Intervention ซึ่งวางจำหน่ายในปี 2013 และได้รับรีวิวที่ไม่ดีนัก ล่าสุด Le ได้ก่อตั้งสตูดิโอของตัวเองในชื่อ Ultimo Ratio Games ซึ่งได้เปิดตัวเกมแรกไปเมื่อเดือนที่แล้วในชื่อ Alpha Response ซึ่งเป็นเกมยิงแนวตำรวจยุทธวิธีที่ได้รับรีวิวที่ดีกว่ามาก
Le ย้ำว่าการแยกทางของเขากับ Valve ไม่มีความบาดหมางใด ๆ "แต่ส่วนหนึ่งในใจผมก็ค่อนข้างเสียใจกับมัน" เขากล่าวเสริม "เมื่อมองย้อนกลับไป การตัดสินใจของผมที่จะออกจาก Valve ในด้านการเงินแล้ว ถือเป็นการตัดสินใจที่ค่อนข้างแย่ ถ้าผมยังอยู่กับ Valve ป่านนี้ผมคงเกษียณไปแล้ว"
"แต่ผมเลือกเส้นทางที่ยากกว่า ผมออกไปทำด้วยตัวเอง ตัดสินใจทางธุรกิจที่ผิดพลาด ทำงานกับบริษัทแย่ๆ และผู้ไม่หวังดีบางคน แต่ผมก็ได้เรียนรู้มากมายและสามารถเติบโตในฐานะนักพัฒนาเกมได้"
ด้วยการที่ Counter-Strike เป็นจักรวรรดิเกม FPS, อีสปอร์ต และกล่องสุ่มที่ยิ่งใหญ่ในปัจจุบัน การอยู่กับมันต่อไปย่อมอาจนำ Le ไปสู่อาชีพที่ร่ำรวยกว่านี้ได้ แต่ดังที่เขาบอกใบ้ มันก็ต้องแลกมาด้วยการเสียสละบางอย่างเช่นกัน
ที่มา GamesRadar และ PCGamesN
