Shadowverse: Worlds Beyond ดวลการ์ดเดือดทะลุมัลติเวิร์ส

แชร์เรื่องนี้:
Shadowverse: Worlds Beyond ดวลการ์ดเดือดทะลุมัลติเวิร์ส

Shadowverse: Worlds Beyond คือภาคต่อของเกมการ์ดดิจิทัลยอดนิยมจาก Cygames ที่เกมเมอร์หลายคนรอคอย ด้วยการยกระดับกราฟิก, เอฟเฟกต์สุดอลังการ, และระบบการเล่นใหม่ที่น่าสนใจ แต่หลังจากการเปิดตัว เกมกลับถูกถล่มด้วยรีวิวบอมบ์แง่ลบอย่างหนักบน Steam อะไรคือสาเหตุที่ทำให้เกมที่ถูกคาดหวังกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์?


โลกใหม่และการต่อสู้ใน Feast of Wolves

เนื้อเรื่องของภาคนี้เริ่มต้นที่ Dreizehn (ไดรเซห์น) หญิงสาวผู้สูญเสียความทรงจำ ที่ตื่นขึ้นมากลางทัวร์นาเมนต์ Battle Royale ในชื่อ "Feast of Wolves" ที่ซึ่งรวบรวมเหล่าผู้กล้าจากหลากหลายมิติ (Multiverse) มาต่อสู้กัน

เป้าหมายของ Dreizehn ไม่ใช่การเป็นผู้ชนะ แต่คือการยุติการต่อสู้ครั้งนี้ และร่วมมือกับผู้เข้าแข่งขันคนอื่นเพื่อไขปริศนาเบื้องหลังการแข่งขันและจุดประสงค์ที่แท้จริงของมัน


ระบบการเล่น: Evolve และ Super Evolve

หากใครเคยเล่นเกมการ์ดอย่าง Hearthstone มาก่อน จะสามารถเข้าใจพื้นฐานของ Shadowverse: Worlds Beyond ได้ไม่ยาก ผู้เล่นสองฝ่ายสลับกันลงการ์ด (ผู้ติดตาม, เวทมนตร์, Amulet) โดยใช้ Play Point (PP) ที่จะเพิ่มขึ้น 1 หน่วยในทุกเทิร์น (สูงสุด 10) โดยมีเป้าหมายคือลด HP ของฝ่ายตรงข้ามจาก 20 ให้เหลือ 0

สิ่งที่ทำให้เกมนี้แตกต่างและมีเอกลักษณ์คือระบบ Evolution (Evolve) และ Super Evolution (Super Evolve)

  • Evolution (Evolve):

    • ผู้เล่นที่เริ่มทีหลัง (Player 2) จะได้ใช้แต้ม Evolve ก่อนใน เทิร์นที่ 4

    • ผู้เล่นที่เริ่มก่อน (Player 1) จะได้ใช้ใน เทิร์นที่ 5

    • เมื่อใช้ Evolve การ์ดผู้ติดตามจะได้รับพลังโจมตีและป้องกัน +2/+2 และมักจะสามารถโจมตีผู้ติดตามฝ่ายตรงข้ามได้ทันที (Rush) พร้อมทั้งใช้งานเอฟเฟกต์ Evolve

    • ตัวอย่าง: การ์ด Arriet Luxminstrel (3/3) เมื่อ Evolve จะกลายเป็น (5/5) และได้เอฟเฟกต์โจมตีผู้ติดตามได้ทันที และเพิ่มเกราะป้องกันให้ตัวละคร 2 หน่วย

  • Super Evolution (Super Evolve):

    • เป็นการอัปเกรดขั้นกว่าของ Evolve

    • ผู้เล่นทีหลัง (P2) ได้ใช้ใน เทิร์นที่ 6 / ผู้เล่นก่อน (P1) ได้ใช้ใน เทิร์นที่ 7

    • การ์ดจะได้รับพลังโจมตีและป้องกัน +3/+3

    • ได้รับสถานะ Invincible (ไม่ได้รับดาเมจเมื่อโจมตีผู้ติดตาม) และหากกำจัดผู้ติดตามได้ จะทำดาเมจ 1 หน่วยใส่ฮีโร่ฝ่ายตรงข้าม

    • ตัวอย่าง: Arriet เมื่อ Super Evolve จะเพิ่มเกราะป้องกันถึง 4 หน่วย


7 คลาส กับ 7 สไตล์การเล่น

ตัวเกมเปิดตัวมาพร้อมกับ 7 คลาสหลัก ที่มีเอกลักษณ์และแผนการเล่นแตกต่างกันอย่างชัดเจน:

  1. Forestcraft: เน้นการเล่นการ์ดหลายใบในเทิร์นเดียวเพื่อสร้างคอมโบ (คล้าย Tempo Rogue)

  2. Swordcraft: เน้นการใช้ผู้ติดตามจำนวนมากบุกโจมตีอย่างรวดเร็ว (คล้าย Paladin)

  3. Runecraft: เน้นการใช้เวทมนตร์ มี 2 สายหลักคือ Spellboost (ร่ายเวทเพื่อลดค่าร่ายการ์ดในมือ) และ Earth Rite (ใช้เสาเวทสนับสนุน) (คล้าย Mage)

  4. Dragoncraft: เน้นการเร่ง Play Point (Ramp) เพื่อลงผู้ติดตามตัวใหญ่พลังโจมตีสูงในเทิร์นท้ายๆ (คล้าย Druid)

  5. Abysscraft: เน้นการใช้ประโยชน์จากการ์ดที่ถูกทำลายไปแล้ว (สุสาน) ด้วยความสามารถ Necromancy และ Reanimate (ชุบชีวิต)

  6. Havencraft: เน้นการตั้งรับ ป้องกัน และยื้อเกมด้วยการ์ด Amulet และการฮีล ก่อนจะปิดเกมด้วยการ์ดทรงพลังในเลทเกม (คล้าย Priest หรือ Control Warrior)

  7. Portalcraft: เน้นการเรียก "Puppet" (หุ่นเชิด) ที่มีค่าร่าย 0 มาโจมตีอย่างรวดเร็วและใช้จำนวนเข้าสู้


โหมดการเล่น และระบบโซเชียล "Park"

นอกจากการต่อสู้แบบปกติ (Ranked/Unranked) แล้ว เกมยังมีโหมดอื่นๆ ให้เล่น:

  • Solo: โหมดเนื้อเรื่อง (Story), ฝึกฝน (Practice), และ Guide Puzzle (ไขปริศนาสถานการณ์)

  • Arena (Take Two): โหมด Draft Deck ที่ผู้เล่นต้องเลือกการ์ดทีละคู่เพื่อสร้างเด็ค 30 ใบ แล้วไปต่อสู้กับผู้เล่นอื่น

  • Park: ระบบโซเชียลที่ผู้เล่นสามารถสร้างอวตาร Chibi เข้าไปเดินเล่นในห้องสาธารณะ, พูดคุย, ดวลการ์ด, เข้าร่วม Guild Lounge หรือตกแต่งห้องส่วนตัวได้


วิเคราะห์: ทำไมเกมถึงถูกรีวิวบอมบ์อย่างหนัก

แม้เกมเพลย์จะสนุกและงานภาพจะอลังการ แต่ประเด็นที่ทำให้ Shadowverse: Worlds Beyond ถูกวิจารณ์ในแง่ลบอย่างท่วมท้นบน Steam นั้น มาจาก "ระบบเศรษฐกิจ (Economy)" ภายในเกม ที่ผู้เล่นสายฟรี (F2P) และผู้เล่นดั้งเดิมจากภาคแรกรู้สึกว่าถูกบีบคั้นอย่างหนัก

  1. ราคาแพ็คที่สวนทางกับรายได้: การเปิดการ์ด 1 แพ็ค (8 ใบ) ใช้ 500 Rupies (เพชรในเกม) ในขณะที่การทำเควสประจำวันทั้งหมด ผู้เล่นได้รับ Rupies ไม่ถึง 400 ด้วยซ้ำ ทำให้ใน 1 วัน ผู้เล่นสายฟรีไม่สามารถแม้แต่จะเปิดการ์ดได้ 1 แพ็ค (เทียบกับภาคแรกที่เควสรายวันสามารถเปิดได้ 1-2 แพ็ค)

  2. การย่อยการ์ด (Liquefy) ที่แย่ลง: ภาคนี้ผู้เล่น ไม่สามารถย่อยการ์ดที่ไม่ได้ใช้ ได้ หากมีการ์ดใบนั้นซ้ำไม่เกิน 3 ใบ (ภาคแรกย่อยได้อิสระ) นอกจากนี้ แต้มที่ได้จากการย่อยการ์ดระดับ Silver ก็น้อยลง ในขณะที่ค่าคราฟต์การ์ดระดับ Legendary ยังคงอยู่ที่ 3,500 ขวดแดงเท่าเดิม

  3. ความเหลื่อมล้ำของเด็ค: ด้วยระบบเศรษฐกิจที่บีบรัด ทำให้ผู้เล่นสายฟรีต้องใช้เวลานานมากในการสร้างเด็คที่สมบูรณ์ได้แม้แต่เด็คเดียว ในขณะที่ผู้เล่นสายเติม (Whale) สามารถสร้างเด็คที่มีการ์ดระดับ Legendary อัดแน่น 10 กว่าใบมาบดขยี้ได้ทันที

โดยสรุป Shadowverse: Worlds Beyond มีแกนกลางของเกมการ์ดที่ยอดเยี่ยม ทั้งภาพสวย เอฟเฟกต์อลังการ และระบบ Evolve ที่ท้าทาย แต่ทั้งหมดนี้ถูกบดบังด้วยระบบเศรษฐกิจที่ทำให้ผู้เล่นสาย Casual และ F2P รู้สึกว่าการสะสมการ์ดและการสร้างเด็คเป็นไปได้ยากลำบากอย่างยิ่ง

แชร์เรื่องนี้:
Seiywnick
Seiywnick

Content Writer

เรื่องที่เกี่ยวข้อง