สตูดิโอ GSC Game World ได้ประกาศเปิดตัว S.T.A.L.K.E.R.: Legends of the Zone Trilogy - Enhanced Edition ซึ่งเป็นการนำเกมไตรภาคดั้งเดิมของ S.T.A.L.K.E.R. มาปรับปรุงใหม่ในระดับ Next-gen โดยมีกำหนดวางจำหน่ายในวันที่ 20 พฤษภาคม 2025 นี้ พร้อมกันทั้งบนแพลตฟอร์ม PC, PlayStation 5 และ Xbox Series X|S
S.T.A.L.K.E.R.: Legends of the Zone Trilogy - Enhanced Edition จะประกอบด้วยเกมเวอร์ชันปรับปรุงใหม่ของ Shadow of Chornobyl (วางจำหน่ายดั้งเดิมปี 2007), Clear Sky (ปี 2008) และ Call of Prypiat (ปี 2009) ผู้เล่นสามารถคาดหวังการยกเครื่องใหม่สำหรับแต่ละเกม ด้วยการปรับปรุงคุณภาพกราฟิก, การปรับให้เหมาะสมกับประสิทธิภาพของเครื่องคอนโซลยุคใหม่ และการขยายการสนับสนุน Mod ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น
GSC Game World ระบุว่า สำหรับผู้เล่นที่เป็นเจ้าของเกม S.T.A.L.K.E.R.: Legends of the Zone Trilogy (เวอร์ชันดั้งเดิมที่อาจมีบนคอนโซล) บนเครื่อง Xbox Series X|S หรือ PlayStation 5 อยู่แล้ว จะได้รับการอัปเกรดเป็น Enhanced Edition ของเกมนั้นๆ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
ในส่วนของแพลตฟอร์ม PC ทาง GSC Game World กล่าวว่า "เพื่อเป็นการขอบคุณแฟนๆ ที่ให้การสนับสนุนมาโดยตลอด" ผู้ที่เป็นเจ้าของเกม S.T.A.L.K.E.R. ภาคดั้งเดิมแต่ละภาค จะได้รับการอัปเกรดเป็นเวอร์ชัน Enhanced Edition ของภาคนั้นๆ ฟรีเช่นกัน และสำหรับผู้ที่ซื้อเกมเวอร์ชัน Enhanced Edition ใหม่ ก็จะได้รับเกมเวอร์ชันดั้งเดิมรวมอยู่ด้วย ชุดไตรภาคนี้มีวางจำหน่ายในรูปแบบ Bundle ราคา 39.99 ดอลลาร์สหรัฐ หรือสามารถเลือกซื้อแยกแต่ละเกมได้ในราคา 19.99 ดอลลาร์สหรัฐต่อเกม
อย่างไรก็ตาม ตัวเกมจะไม่รองรับการโอนย้ายข้อมูลบันทึกเกมข้ามแพลตฟอร์ม (Cross-platform saves) ระหว่าง PC และเครื่องคอนโซล ข้อมูลบันทึกการเล่นของผู้เล่นจะเป็นแบบเฉพาะสำหรับแต่ละแพลตฟอร์มที่เล่น
รายละเอียดการปรับปรุงด้านประสิทธิภาพและกราฟิกบนคอนโซล: สำหรับเครื่อง PlayStation 5 และ Xbox Series X|S ผู้เล่นจะมีตัวเลือกอัตราเฟรมเรตหลายแบบสำหรับ S.T.A.L.K.E.R.: Legends of the Zone Trilogy - Enhanced Edition ประกอบด้วยโหมดมาตรฐานที่ 30 FPS และ 60 FPS นอกจากนี้ จะมีโหมดเฉพาะที่ตั้งเป้าอัตราเฟรมเรตไว้ที่ 40 FPS และสูงสุดถึง 120 FPS อย่างไรก็ตาม ตัวเลือก 40 FPS และ 120 FPS นี้ จะสามารถใช้งานได้เฉพาะกับจอแสดงผลที่รองรับเทคโนโลยี VRR (Variable Refresh Rate) เท่านั้น
เกมเวอร์ชัน Enhanced Edition บนคอนโซล จะมีโหมดกราฟิกและประสิทธิภาพที่แตกต่างกันให้เลือก ได้แก่:
- Xbox Series X, PlayStation 5, PlayStation 5 Pro:
- Quality Mode: ความละเอียด Native 4K ที่ 30 FPS
- Balanced Mode (ต้องใช้จอ VRR): ความละเอียด Upscaled 4K ที่ 40 FPS
- Performance Mode: ความละเอียด Upscaled 4K ที่ 60 FPS
- Ultra Performance Mode (ต้องใช้จอ VRR): ความละเอียด Upscaled 2K ที่ 120 FPS
- Xbox Series S:
- Quality Mode: ความละเอียด Native 2K ที่ 30 FPS
- Balanced Mode (ต้องใช้จอ VRR): ความละเอียด Upscaled 2K ที่ 40 FPS
- Performance Mode: ความละเอียด 1080p ที่ 60 FPS
การปรับปรุงด้านภาพ (ทุกแพลตฟอร์ม):
- ปรับปรุงระบบแสงสว่างด้วยเอฟเฟกต์ Godrays, Screen Space Reflections และ Global Illumination เพื่อสร้างบรรยากาศที่สมจริงยิ่งขึ้น
- ยกระดับพื้นผิว (Textures) และเพิ่มรายละเอียดให้กับโมเดล 3 มิติของตัวละคร NPC, อาวุธ และสภาพแวดล้อม
- ใช้ Shader ขั้นสูงสำหรับเอฟเฟกต์น้ำและความเปียกชื้น ควบคู่ไปกับการปรับปรุง Skybox เพื่อให้โลกในเกมดูมีชีวิตชีวามากขึ้น
- ฉากภาพยนตร์คั่นฉาก (Cinematics) เป็นแบบ Pre-rendered ที่ความละเอียด 4K เพื่อการเล่าเรื่องที่น่าทึ่ง และปรับปรุงระยะการมองเห็นของอาวุธ (Weapon FOV) เพื่อให้การมองเห็นในการต่อสู้ดีขึ้น
การปรับปรุงเฉพาะสำหรับคอนโซล (PlayStation 5, Xbox Series X|S):
- รองรับการใช้งานคีย์บอร์ดและเมาส์ (Keyboard & Mouse Support) เพื่อประสบการณ์การควบคุมที่ปรับแต่งได้
- การผนวกรวมระบบ Mod.io: ผู้เล่นสามารถสร้างและแบ่งปัน Mod ข้ามแพลตฟอร์มระหว่าง PC และคอนโซลได้ผ่านทาง mod.io (
)https://mod.io/
คุณสมบัติเฉพาะสำหรับ PC:
- Steam Deck Optimized: เล่นเกมไตรภาคนี้ได้ทุกที่ด้วยการรองรับ Steam Deck อย่างเต็มรูปแบบ
- Steam Workshop Integration: เข้าถึงคลัง Mod ที่สร้างโดยผู้ใช้งานจำนวนมหาศาล
- Cloud Saves: สำรองข้อมูลความคืบหน้าในเกมข้ามอุปกรณ์ได้อย่างราบรื่น
- Gamepad Support: รองรับการใช้งานคอนโทรลเลอร์อย่างเต็มรูปแบบเพื่อประสบการณ์การเล่นคล้ายคอนโซลบน PC