สรุปประเด็นสำคัญจากงานแถลงข่าว Dying Light The Beast พูดคุยกับ Tymon Smektała ผู้กำกับแฟรนไชส์
เมื่อวันที่ 17 ตุลาคมที่ผ่านมา สื่อมวลชนและอินฟลูเอนเซอร์ชาวไทยและแถบ SEA ได้มีโอกาสเข้าร่วมงานแถลงข่าวสุดพิเศษของเกม Dying Light The Beast พร้อมพูดคุยอย่างใกล้ชิดกับ คุณ Tymon Smektała ตำแหน่ง Dying Light Franchise Director จาก Techland ที่บินตรงมาเพื่อตอบทุกคำถามและเปิดเผยข้อมูลใหม่ๆ ที่น่าสนใจเกี่ยวกับอนาคตของแฟรนไชส์
คุณ Tymon ได้กล่าวเปิดงานด้วยความรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้มาพบปะกับคอมมูนิตี้ชาวไทยและ SEA พร้อมเล่าว่าเกม Dying Light มีฐานผู้เล่นอยู่ทั่วทุกมุมโลก แม้กระทั่งบนเกาะเล็กๆ กลางมหาสมุทร และครั้งนี้เขาต้องการมารับฟังเสียงตอบรับและคำถามจากผู้เล่นโดยตรง

อัปเดตและโปรเจกต์ใหม่ที่กำลังจะมาถึง
ก่อนจะเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนซักถาม คุณ Tymon ได้แย้มว่า "เร็วๆ นี้จะมีการเปิดเผยอะไรบางอย่าง" พร้อมยืนยันว่าภายในปลายปีนี้ ผู้เล่นจะได้พบกับอัปเดตที่หลายคนรอคอยอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็น New Game+, Legend Level และระดับความยากใหม่ นอกจากนี้ยังได้พูดถึงโปรเจกต์คอลแลปส์กับ PUBG Mobile ซึ่งเกิดขึ้นได้เพราะทั้งสองเกมมีคอนเซปต์การเอาชีวิตรอดที่เหมือนกัน และยืนยันว่าทีมงาน Techland กำลังทำงานอย่างหนักเพื่อพัฒนาเกมภาคนี้ให้ดีที่สุด
เจาะลึก Q&A กับผู้กำกับแฟรนไชส์ ถามโดยสื่อและอินฟลูเอนเซอร์
Q: มีโอกาสที่เกมภาคใหม่จะมีฉากหลังเป็นประเทศในแถบเอเชียหรือไม่?
A: คุณ Tymon ตอบว่ายังไม่สามารถเปิดเผยได้เพราะเป็นความลับ แต่โดยส่วนตัวแล้วเขาชื่นชอบเอเชียมาก และยังไม่ได้ปิดโอกาสนี้ไปเสียทีเดียว
Q: แผนการสำหรับเนื้อหาเสริม (DLC) ในอนาคตเป็นอย่างไร?
A: ทีมงานตั้งเป้าที่จะอัปเดตเกมอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 2-5 ปี และให้สัญญาว่าจะคอยเฝ้าดูและรับฟังความคิดเห็นจากผู้เล่นอยู่ตลอดเวลา
Q: อนาคตของตัวละครเอกอย่าง Aiden และ Kyle Crane จะเป็นอย่างไรต่อไป?
A: เรื่องราวของทั้งสองตัวละครยังไม่ได้มีการตัดสินใจที่แน่ชัด และยังคงอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา
Q: ทีมงานทำอย่างไรให้เนื้อเรื่องของภาคนี้มีความ "กลมกล่อม" มากขึ้น?
A: เรานำบทเรียนจากภาค 1 และ 2 มาปรับปรุง โดยนำฟีดแบคจากผู้เล่นในหลายๆ ช่องทางมาพิจารณา ทีมงานยอมรับว่าเนื้อเรื่องภาคแรกค่อนข้างดี แต่ภาคสองอาจจะดรอปลงไปบ้าง เราจึงนำข้อดีของทั้งสองภาคมารวมกันเพื่อสร้างสรรค์เนื้อเรื่องในภาค The Beast ให้สมบูรณ์ที่สุด
Q: อะไรคือสิ่งที่ทำให้ "ช่วงกลางคืน" ในภาคนี้น่ากลัวกว่าเดิม?
A: เกิดจากการผสมผสานฟีดแบคจากสองภาคเช่นกัน ภาคแรกนั้นน่ากลัวมาก แต่ในภาคสองเราทำให้ง่ายขึ้น ซึ่งผู้เล่นส่วนใหญ่ไม่ค่อยชอบนัก พวกเขาอยากได้ความท้าทายและความน่ากลัวแบบเดิมกลับมา เพื่อสร้างความรู้สึกที่ว่า "สักวันหนึ่งฉันจะแข็งแกร่งพอที่จะออกไปสู้กับพวกมันให้ได้"
Q: แนวคิดในการออกแบบพื้นที่ใหม่ของเกมภาคนี้เป็นอย่างไร?
A: มี 3 ปัจจัยหลักด้วยกัน คือ
- สร้างประสบการณ์ที่แตกต่าง: พื้นที่ใหม่จะมีที่โล่งมากขึ้นเพื่อให้ผู้เล่นได้สัมผัสประสบการณ์ที่แปลกใหม่
- ความท้าทายในการเคลื่อนที่: เราไม่ต้องการให้เกมเรียบง่ายเกินไป อยากให้ผู้เล่นได้ใช้สมองในการปีนป่ายเพื่อคิดหาเส้นทางหนีจากฝูงซอมบี้
- ความสนุกต้องมาก่อน: แม้จะท้าทาย แต่การปีนป่ายจะไม่ถูกออกแบบมาให้เป็นพัซเซิลที่ซับซ้อนเกินไป เพื่อให้ผู้เล่นยังคงสนุกกับการเคลื่อนไหวได้อย่างเต็มที่
Q: อะไรคือสิ่งที่ท้าทายที่สุดในการพัฒนาภาคนี้?
A: การนำตัวละครเก่าอย่าง Kyle Crane กลับมาเล่าเรื่องอีกครั้ง เพราะแฟนๆ รักและคาดหวังกับการกลับมาของเขาไว้สูงมาก หากทำอะไรผิดพลาดไป อาจหมายถึงจุดสิ้นสุดของซีรีส์นี้เลยก็เป็นได้
Q: ทีมงานสร้างสมดุลการเติบโตของตัวละครที่เน้นการต่อสู้เป็นหลักอย่างไร ให้ผู้เล่นรู้สึกทั้งเก่งและท้าทาย?
A: ในภาคแรก ตัวละครของเรายังเป็นมือใหม่ในโลกที่เต็มไปด้วยซอมบี้ แต่ในภาคนี้ ตัวละครของเราเก่งและมีประสบการณ์อยู่แล้ว เราจึงเน้นไปที่การต่อสู้ (Combat) ที่ดุดันขึ้น และเพิ่มความสามารถของ "สัตว์ร้าย" (Beast) เข้ามาเป็นแกนหลัก
Q: อะไรคือปัจจัยที่ทำให้ผู้เล่นยังกลับมาเล่นเกมได้เรื่อยๆ แม้จะเล่นไปแล้วหลายร้อยชั่วโมง?
A: คือการอัปเดตอย่างสม่ำเสมอที่จะทำให้เกมมีความสดใหม่อยู่เสมอ พร้อมทิ้งท้ายเป็นนัยว่า "มีการปรับปรุงเหล่า Volatiles (ซอมบี้ที่โหดที่สุด) ให้โหดขึ้นกว่าเดิม"
Q: มีโอกาสที่จะได้เห็นแผนที่ที่มีตึกสูงมากๆ หรือไม่?
A: ถ้าให้เลือกระหว่างการสร้างแผนที่ใหม่กับการสร้างเกมภาคใหม่ไปเลย เขาขอเลือกทำเกมใหม่มากกว่า
Q: ระบบ Fast Travel จะกลับมาหรือไม่? เพราะการขับรถอย่างเดียวในบางครั้งก็ไกลเกินไป
A: เราตั้งใจตัดระบบนี้ออกไปเพราะอยากให้ผู้เล่นได้สัมผัสกับประสบการณ์การเดินทางและสำรวจโลกอย่างเต็มที่ แต่หากในอนาคตมีเสียงเรียกร้องจากผู้เล่นจำนวนมาก เราก็พร้อมจะนำกลับมาพิจารณาอีกครั้ง