Spore เกมจำลองชีวิตสุดทะเยอทะยานจากสตูดิโอ Maxis กำลังจะได้รับการดูแลเป็นพิเศษเพื่อให้สามารถเล่นได้ตลอดไป หลังจากที่ถูกเพิ่มเข้าไปใน GOG Preservation Program ซึ่งเป็นโครงการริเริ่มของร้านค้า GOG ในการดูแลรักษาเกมคลาสสิกให้สามารถทำงานได้บนระบบปฏิบัติการสมัยใหม่
เว็บไซต์ GamesRadar+ รายงานว่า Spore Collection ได้ถูกเพิ่มเข้าไปในโปรแกรมนี้พร้อมกับเกมคลาสสิกอื่น ๆ อีกหลายเกม เช่น Tomb Raider (2013), Hitman: Codename 47, Clive Barker's Undying และ Tom Clancy's Splinter Cell โดย GOG ให้คำมั่นสัญญาว่าจะคอยอัปเดตเกมเหล่านี้เพื่อให้ "ยังคงเข้ากันได้และสามารถเล่นได้บนระบบสมัยใหม่ในรูปแบบที่ดีที่สุด" ซึ่งเปรียบเสมือนการรับประกันว่าเกมเหล่านี้จะ "มีชีวิตอยู่ตลอดไป"
การที่ Spore ถูกเลือกเข้าโปรแกรมนี้ถือเป็นเรื่องที่น่าสนใจอย่างยิ่ง เมื่อพิจารณาถึงประวัติศาสตร์อันฉาวโฉ่ของเกมในเรื่องระบบป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์ (DRM) ตอนที่เกมเปิดตัวในปี 2008 นั้น EA ผู้จัดจำหน่าย ได้นำระบบ SecuROM ที่เข้มงวดอย่างมากมาใช้ ซึ่งบังคับให้ผู้เล่นต้องยืนยันตัวตนออนไลน์ และจำกัดการติดตั้งเกมไว้เพียง 3 เครื่องเท่านั้น ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับผู้เล่นอย่างกว้างขวางและนำไปสู่การละเมิดลิขสิทธิ์จำนวนมาก จนในที่สุด EA ก็ต้องยอมผ่อนปรนข้อจำกัดและนำเกมมาวางจำหน่ายบน Steam ในภายหลัง
สำหรับตัวเกม Spore นั้น เป็นเกมแนว Life Sim ที่ให้ผู้เล่นควบคุมวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตตั้งแต่เซลล์เดียวไปจนถึงการสร้างอารยธรรมท่องอวกาศ จุดเด่นคือระบบสร้างตัวละครที่ยืดหยุ่นและเปิดกว้างอย่างมาก
เรื่องราวของ Spore ยังเป็นเครื่องเตือนใจถึงปัญหาของการใช้ DRM ที่เข้มงวดเกินไป และความสำคัญของการอนุรักษ์เกมในยุคดิจิทัล โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับเกม Spin-off อย่าง Darkspore ที่เป็นเกมออนไลน์เต็มรูปแบบและไม่สามารถเล่นได้อีกต่อไปแล้วหลังจากเซิร์ฟเวอร์ปิดตัวลงในปี 2016
ที่มา GamesRadar+
