เกม Splinter Cell: Chaos Theory ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นหนึ่งในผลงานที่แสดงศักยภาพด้านเทคโนโลยีกราฟิกได้เกือบจะถึงขีดจำกัดสูงสุดที่มีอยู่ในช่วงเวลาที่เกมวางจำหน่าย และทีมผู้พัฒนาเบื้องหลังเกมนี้ก็คงเป็นการยากอย่างยิ่งที่จะผลักดันขีดความสามารถของฮาร์ดแวร์ในยุคนั้นให้ไปได้ไกลกว่าที่เป็นอยู่
ในการให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Edge Magazine, Clint Hocking ซึ่งดำรงตำแหน่ง Creative Director ของเกม Chaos Theory และเป็นทั้งผู้เขียนบทและดีไซเนอร์ให้กับเกม Splinter Cell ภาคแรกสุด ได้กล่าวถึงการพัฒนาเกมภาคที่สามในซีรีส์เกมลอบเร้นระดับตำนานนี้ว่า
เราไม่สามารถรีดเค้นประสิทธิภาพอะไรจากฮาร์ดแวร์ได้มากกว่านี้อีกแล้วแม้ว่าเราจะต้องการก็ตาม ในหลายๆ ด้าน เกม Chaos Theory และเกมอื่นๆ อีกเพียงเล็กน้อยในช่วงเวลานั้น ได้นำไปสู่การเปลี่ยนผ่านไปสู่สิ่งที่คล้ายกับยุค Next Generation ในระดับหนึ่ง
Clint Hocking
ยุคกึ่ง Next Generation ที่ยังมาไม่ถึงเต็มตัวตามที่ Hocking กล่าวถึงนั้น ได้รับการจุดประกายขึ้นโดยเครื่องคอนโซล Xbox รุ่นแรกสุด Hocking อธิบายว่า เครื่องคอนโซลแรกของ Microsoft ซึ่งเปิดตัวตามหลังเครื่อง PlayStation 2 มากกว่า 18 เดือน และหลังจากเครื่อง Sega Dreamcast เป็นเวลานานพอสมควร ได้เริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงกระบวนทัศน์ครั้งสำคัญในเทคโนโลยีการเรนเดอร์ภาพ (paradigm shift in rendering technology) เช่นเดียวกับเครื่องคอนโซลใหม่ๆ ทั่วไป ที่ต้องใช้ระยะเวลาหลายปีกว่าที่นักพัฒนาจะสามารถเรียนรู้วิธีการดึงศักยภาพสูงสุดของฮาร์ดแวร์ออกมาใช้งานได้อย่างเต็มที่ แต่ในช่วงเวลาที่เกม Chaos Theory วางจำหน่าย ซึ่งเป็นช่วงไม่กี่เดือนก่อนการเปิดตัวเครื่อง Xbox 360 นั้น Hocking และทีมงานของเขาได้ผลักดันขีดจำกัดของฮาร์ดแวร์ในขณะนั้นไปไกลที่สุดเท่าที่พวกเขาคิดว่าจะสามารถทำได้แล้ว
ความพยายามดังกล่าวได้ส่งผลลัพธ์ที่คุ้มค่า แม้ว่าเกม Chaos Theory จะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีบนแพลตฟอร์มหลักส่วนใหญ่ แต่ก็เป็นที่เห็นได้ชัดว่าเกมนี้แสดงประสิทธิภาพได้ดีที่สุดบนเครื่อง Xbox ซึ่งยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่เกมนี้ได้รับคะแนนรีวิวสูงที่สุดมาจนถึงทุกวันนี้ Hocking ยืนยันว่า การปรับปรุงระบบแสงเงาและการเรนเดอร์ภาพที่เหนือกว่าบนแพลตฟอร์ม Xbox เมื่อเทียบกับเวอร์ชันที่วางจำหน่ายบนเครื่อง PlayStation 2 และ PC ในขณะนั้น "เกิดขึ้นได้เป็นครั้งแรกก็ด้วยพลังของเครื่อง Xbox"
Source : gamesradar
