หลังจากที่แฟนๆ รอคอยมานานนับทศวรรษ แต่ภาคต่อล่าสุดอย่าง 'Dragon Age: The Veilguard' ซึ่งวางจำหน่ายเมื่อปลายปีที่แล้ว กลับถูกประเมินจาก EA ว่าเป็นความน่าผิดหวัง และไม่ได้รับการตอบรับที่ดีจากแฟนๆ เท่าที่ควร เมื่อเทียบกับ 'Dragon Age: Inquisition' ที่เคยคว้ารางวัลเกมแห่งปีมาได้เมื่อ 10 ปีก่อน ล่าสุด ได้มีรายงานใหม่ที่เจาะลึกถึงเบื้องหลังการพัฒนาที่เต็มไปด้วยปัญหาและสาเหตุของความล้มเหลวดังกล่าว
ตามรายงานจากเว็บไซต์ gamespot ซึ่งอ้างอิงข้อมูลจากรายงานเชิงลึกของสำนักข่าว Bloomberg ได้ชี้ให้เห็นถึงปัญหาสำคัญหลายประการ โดยหนึ่งในประเด็นที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุดคือ การที่ BioWare ถูกบีบจากแผนการในช่วงแรกที่ต้องการจะทำให้ The Veilguard เป็นเกมแนว Live-Service ซึ่งเป็นอุปสรรคขัดขวางการพัฒนาอย่างมาก และแม้ว่าในท้ายที่สุดจะเปลี่ยนกลับมาเป็นเกมผู้เล่นเดี่ยว แต่ทีมงานก็ไม่สามารถดึงเรื่องราวและทางเลือกที่ลึกซึ้งอย่างที่เคยมีในภาคก่อนๆ กลับมาได้

รายงานดังกล่าวยังดูเหมือนจะยืนยันคำกล่าวของ David Gaider อดีตหัวหน้าทีมเขียนบทของซีรีส์ Dragon Age ที่เคยพูดถึงความตึงเครียดระหว่างทีม Dragon Age และทีม Mass Effect ภายในสตูดิโอ BioWare ซึ่งแม้จะมีการนำทั้งสองทีมมารวมกันเพื่อทำ The Veilguard แต่ "ความเป็นเผ่าพันธุ์" หรือการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายก็ยังคงอยู่
"ในขณะที่ผู้กำกับของ Mass Effect เข้ามาควบคุม พวกเขาเยาะเย้ยว่าทีม Dragon Age ทำงานได้ไม่ดี และเริ่มกีดกันผู้นำของพวกเขาออกจากการประชุมที่สำคัญ" รายงานของ Bloomberg ระบุ นอกจากนี้ยังชี้ว่าทีม Dragon Age รู้สึกโกรธเคืองอย่างมากเมื่อทีม Mass Effect ได้รับอนุญาตให้ทำการตัดสินใจที่ "ยิ่งใหญ่และท้าทาย" ในขณะที่ทีมของพวกเขาเองกลับถูกบอกว่าไม่มีงบประมาณหรือเวลาพอที่จะทำเช่นนั้น

"ดูเหมือนว่าตลอดมา เมื่อทีม Mass Effect เรียกร้องทรัพยากรที่ต้องการในการประชุมกับ EA พวกเขาก็จะได้ตามที่ขอเสมอ แต่ Dragon Age กลับต้องต่อสู้กับอุปสรรคอยู่ตลอดเวลา" Gaider กล่าวกับ Bloomberg
ผลพวงจากเหตุการณ์ทั้งหมด BioWare ได้ทำการปลดพนักงานและโยกย้ายนักพัฒนาบางส่วนไปยังทีมอื่นภายใน EA และในปัจจุบันมีทีมงานขนาดเล็กกว่าเดิมมากที่กำลังรับหน้าที่พัฒนาเกม Mass Effect ภาคต่อไป