มุมมองต่างๆ ที่อาจทำให้เกมนี้ยังคงครองใจคอ RTS
Nostalgia Goggles แว่นตาแห่งความคิดถึง
Nostalgia Goggles เป็นสำนวนภาษาอังกฤษ มีความหมายเชิงเปรียบเทียบว่า 'การมองอดีตผ่านแว่นตาแห่งความทรงจำอันสวยงาม' แน่นอนว่ามันเป็นเกมที่ดีอย่างไม่ต้องสงสัยในยุคของมัน ทั้งการออกแบบระบบการต่อสู้ ตัวละคร แม้กระทั่งระบบการสรรสร้างยูนิตที่ถูกใจหลายๆ คน ทว่าในปัจจุบันที่ความนิยมของเกม RTS น้อยลง ไ่ม่ใช่แค่ไทยแต่เป็นทั้งโลก ดูจากเกมแนว RTS ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อป้อนสู่ตลาดมีเพียงหยิบมือ เช่นล่าสุดกับ Tempest Rising เกม RTS แนวสงครามในโลกอนาคตที่มีกลิ่นอายความเป็นเกมที่เราเด็กหนวดต่างรู้จักอย่าง Command and Conquer หรือจะดูตัวเลขที่อ้างอิงจาก SteamDB ตัวอย่างเกมที่ยังยืนหยัดได้ เช่น Age of Empires II: Definitive Edition ที่มีผู้เล่น 17,000 คน ณ เวลาที่กำลังเขียน ข้อมูลเหล่านี้ผู้เขียนอยากจะอธิบายถึงภาพรวมว่า แม้จะไม่ได้ตายไปจากเรา แต่มันก็ไม่ได้เป็นกระแสหลัก ถึงเป็นอย่างนั้นหากเราจะชวนเพื่อนคุยถึงเกม RTS คงหนีไม่พ้นมีเกม Battle Realms เข้ามาในความทรงจำเป็นแน่แท้

ตำนานที่ยังมีลมหายใจ
Battle Realms คือเกม Real Time Strategy หรือ RTS ยุค 2000 โดยตัวเกมได้รับแรงบันดาลใจจากตำนานเทพเจ้าญี่ปุ่นและภาพยนตร์ศิลปะการต่อสู้ ตัวเกมถูกพัฒนาโดยทีมชื่อ Liquid Entertainment โดยเป็นผลงานแรกของทีมและจัดจำหน่ายโดย Crave Entertainment และ Ubisoft เจ้าเก่าของเรา และออกสู่สายตาคนทั้งโลกในเดือนพฤศจิกายน ปี 2001 และได้ออก DLC ในชื่อ Winter of the Wolf ในเดือนพฤศจิกายน ปี 2002 จนในปี 2012 เกมนี้ได้ถูกนำกลับมาวางจำหน่ายอีกครั้งบนเว็บไซต์ GOG และในปี 2019 ก็ได้ถูกนำกลับมาวางจำหน่ายบน Steam ในชื่อ Battle Realms: Zen Edition ซึ่งอยู่ในสถานะการเล่นระหว่างการพัฒนา พร้อมกับโหมดผู้เล่นหลายคนออนไลน์ที่ใช้งานได้ จนกระทั่งปัจจุบันนี้ตัวเกมก็ได้เป็นตัวเต็มเป็นที่เรียบร้อย

ความแปลกแหวกแนว ที่กลายเป็นเสน่ห์ ที่ในขณะนั้นไม่มีใครเหมือน
Battle Realms มีการออกแบบการเล่นได้อย่างน่าสนใจแม้จะมองในยุคนี้ก็ตาม ระบบการเก็บเกี่ยวทรัพยากรที่ใช้เหล่าคนงานหรือชาวนาที่เราคนไทยติดปากกัน (โดยเราจะเล่าผ่านเผ่าชื่อ Dragon เพื่อให้เข้าใจตรงกัน) ซึ่งเป็นเรื่องปกติของหลายเกม แต่ด้วยความที่ระบบของเกมที่ต้องใช้ยูนิตอย่างคุ้มค่า มุมกล้องอันใกล้ที่ถ่ายทอดทุกอิริยาบถ การ Micro (การบังคับยูนิตที่มีจำนวนน้อย แต่ใช้อย่างมีประสิทธิภาพ) ที่มีความสำคัญมากๆ ทำให้เราเกิดความผูกพันในตัวละคร


เปลี่ยนชาวบ้านเป็นนักรบ
ตัวเกมได้เพิ่มความสำคัญของคนงานไปอีกขั้นคือการนำยูนิตเก็บทรัพยากรมาเปลี่ยนเป็นยูนิตที่ใช้ในการทำสงคราม โดยหลังจากที่เราสร้างฐานที่เกี่ยวกับการรบต่างๆ แล้ว เราจะต้องใช้ทรัพยากรกับเงินในการซื้อยูนิตที่มีความเก่งต่าง ๆ มาใช้งาน เป็นเหมือนการสั่งซื้อยูนิตจากที่อื่นมา กลับกันกับ Battle Realms ไม่ใช่แค่การเสียทรัพยากร แต่ต้องใช้เหล่าชาวนาเข้าไปในฐานเพื่อสร้างทหารที่เก่งออกมา นั่นทำให้ความ Fantasy อันห่างไกลจากความเป็นจริงแต่มีความสมเหตุสมผล และเพิ่มความอินไปอีกขั้นหนึ่ง


การรบที่ได้เปรียบ มาจากการเตรียมความพร้อมที่ดี
แม้เกมมีการเลื่อนขั้นให้นักรบได้เก่งขึ้นไปอีกขั้น แต่ถ้าใช้แต่ Tier สูงสุดแค่ประเภทเดียวในกองทัพ ก็อาจพลาดแพ้ได้จากระบบแพ้ทางชนะทางกัน การมอบความสามารถแก่นักรบจึงเป็นสิ่งที่ควรทำ แม้บางยูนิตบางเผ่าจะมีความสามารถติดตัวมา แต่ส่วนมากนั้นไม่ได้เก่งตั้งแต่เกิด การเข้าฐานเพื่อทำสมาธิ นั่งทำใจให้สงบก่อนทำสงครามพร้อมความสามารถใหม่คงไม่ได้แย่อะไร


การมีแบ็คอัพก็เป็นสิ่งที่ดี และกันฐาน Shrine ที่จะคัดเอาชาวนากล้ามแน่นๆ หุ่นดีๆ เพื่อมาแต่งหน้า ใส่ชุดแต่งหญิง แล้วพาออกไปร่วมรบอยู่แนวหลัง คอยฮิวเพื่อนร่วมทีมก็เป็นสิ่งที่ยังคงมีคนพูดถึง เพราะมันเป็นอะไรที่ขัดแย่งกัน จนกลายเป็นมุขตลกไป ประกอบกับการเพิ่มความอินขั้นสุดด้วยการขี่ม้าออกรบแบบหนังจีนกำลังภายในเมื่อสมัยเรายังเด็ก ๆ และแน่นอนว่าทุกอย่างไม่ได้มาง่ายๆ ผู้เล่นจะต้องใช้ชาวนาออกไปแสวงหาม้าเพื่อนำมาเก็บไว้ และให้นักรบได้ขี่ออกไปใช้งาน


Ultimate ที่มาจากการรบนับไม่ถ้วน
การสู้รบที่อาจจะแพ้บ้าง ชนะบ้างและยังคงดำเนินต่อ ผู้เล่นอาจมีความรู้สึกว่าเมื่อไหร่จะจบ มันนานเกินไปแล้ว ทำให้ฐาน Keep รึเรียกง่าย ๆ ว่าฐานใหญ่ และเป็นอีกหนึ่งระบบที่มาเพื่ออุดจุดนี้ไว้ โดยเป็นเหมือนการจ้างเหล่านักสู้ยอดฝีมือในยุทธภพเมื่อมาร่วมรบ เพิ่มความเท่เข้าไปอีกขั้น แต่ใช่ว่าจะได้มาง่ายๆ ผู้เล่นจะต้องส่งนักรบไปสู้เรื่อย ๆ จนกระทั่งได้แต้มพิเศษที่เป็นเหมือนหยินหยาง และใช้ในการว่าจ้างนักรบพิเศษนั่นเอง

เกมเถื่อนที่ระบาดอาจมีผล
ยุคเกมเถื่อนในบ้าเราอาจจะไม่สามารถเทียบได้อย่างถูกต้องที่สุดแต่จากข้อมูลต่างๆ บ่งชี้ไปที่ยุค ค.ศ. 1990 - 2000 ต้น ๆ คงจะยังพอมีการอ้างอิงจากหลายแหล่ง เช่น ห้างพันธุ์ทิพย์ที่เป็นศูนย์รวมสินค้าไอทีและซอฟต์แวร์ต่างๆ (รวมถึงซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ที่เป็นที่กล่าวขาน) อยู่ในช่วงยุค 90 เป็นต้น Battle Realms ได้ถือกำเนิดมาในช่วงระยะเวลานั้น หรือแม้กระทั่งเกม RTS อีกหนึ่งขวัญใจเด็กหนวดอย่าง Command & Conquer: Red Alert 2 กับ Warcraft III: Reign of Chaos ก็ขายห่างกันไม่กี่ปี ซึ่งถือเป็นยุคทองของ RTS ในบ้านเลยก็ว่าได้ ทั้ง 3 ประสานรวมเป็นหนึ่ง พากันผลักดันจนไปเข้าหูเข้าตาเด็ก ๆ หลายคน กับอีกปัจจัยสำคัญจากร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ที่ก่อเกิดยุคเกมออนไลน์ขนาดใหญ่ ที่จะพาเด็กสู่สังคมที่เต็มไปด้วยความสนุก ด้วยเงินแค่ไม่กี่บาทเท่านั้น โดนที่ไม่ต้องเสียเงินซื้อเครื่องเล่นเกมหรือคอมพิวเตอร์มาเล่น

อิทธิพลวัฒนธรรมจากประเทศจีน
อย่างที่เราพูดไปแล้วว่า แต่ละฉากแต่ตอนของเกม มันช่างทำให้รู้สึกว่าเหมือนหนังที่เราเคยเห็นที่ไหนมา และใช่ครับ ในยุค 90s - 2000s คนไทยเติบโตมากับภาพยนตร์จีนกำลังภายใน หนังซามูไรญี่ปุ่น และเรื่องราวของนินจา การที่ Battle Realms นำเสนอโลกแฟนตาซีที่มีกลิ่นอายเหล่านี้อย่างเข้มข้น (เช่น ยูนิตซามูไรของเผ่า Dragon, นินจาของเผ่า Serpent, หรือปรมาจารย์เซนที่เหมือนจอมยุทธ์) ทำให้ผู้เล่นรู้สึกอิน และเชื่อมโยงได้ง่ายกว่าโลกแฟนตาซีแบบตะวันตกที่เป็นอัศวิน, เอลฟ์และออร์ค ของเกมอย่าง Warcraft ตัวอย่างภาพยนตร์ที่ดัง ๆ ในยุคนั้น เช่น Crouching Tiger (พยัคฆ์ระห่ำ มังกรผยองโลก) ดังขนาดที่ว่าไปไกลถึงเวทีโลก ได้รับรางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยม และอื่น ๆ มากมาย นั่นยิ่งตอกย้ำถึงวัฒนธรรมอันใกล้ตัวที่หล่อหลอมตัวเราขึ้นมา
ด้วยสาเหตุทั้งหมดนี้ทำให้ก่อเกิดไปประสบการณ์ทั้งดี และอาจจะแย่ กลายเป็นไข่มุกสะท้องแสงเม็ดเล็ก ๆ ฝังอยู่ในจิตใต้สำนึกของเหล่า Gamer ชายไทยนับแต่นั้นมา และทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ผู้เขียนรู้สึกนึกถึง และมองในมุมมองต่าง ๆ แน่นอนว่าอาจจะมีตื้นลึกหนาบางไม่มากก็น้อย ทว่าบทความนี้อยากพาทุกท่านกลับไปมองย้อนอดีตที่เรานั่งเล่น Battle Realms กับเพื่อน ๆ อันเป็นช่วงเวลาแสนสุข ช่วงหนึ่งของชีวิต