Electro Mechanical Game บรรพบุรุษของตู้เกมอาร์เคดในตำนาน
ย้อนกลับไปเมื่อครั้นยังเด็ก ก่อนที่ประวัติศาสตร์ของวิดิโอเกมจะเริ่มต้นขึ้น ครั้งหนึ่งมันคือยุคสมัยของตู้เกมเเบบ Electro Mechanical Game หรือตู้เกมไฟฟ้าเชิงกลไก ซึ่งในยุคนั้นเราอาจจะคุ้นเคยกับเกมเหล่านี้ผ่านพวกตู้เกมอย่างเกม ชูสบาส เกมตีตัวตุ่น หรือเกมขับรถพลาสติกต่าง ๆ ที่เรามักจะเล่นกันตามห้าง หรือร้านอาหารเก่า ๆ
โดยเกมพวกนี้หลัก ๆ จะไม่ได้มีหน้าจอทีวีให้เราเล่นเหมือนพวกวิดิโอเกม เเต่จะเป็นเกมที่นำกลไกทางไฟฟ้าเเละเชิงกล อย่างพวก มอเตอร์ ขดลวดเเม่เหล็กไฟฟ้า เเละไฟกะพริบ มาใช้เพื่อให้โมเดลต่าง ๆ ในเกมเคลื่อนไหว เเละสร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้เล่น ตัวอย่างเช่น เกมตีตัวตุ่นที่จะมีกลไกที่ทำให้ตัวตุ่นมันโผล่ขึ้นมาให้เราตีเรื่อย ๆ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ในทุกวันนี้เกมเหล่านี้ก็ค่อย ๆ เลือนหายไปตามกาลเวลา โดยเฉพาะการมาถึงของวิดิโอเกมที่เข้ามาเเทนที่ตู้เกมพวกนี้ โดยจะเหลือไว้ก็เพียงเเต่ความทรงจำเเละประวัติศาสตร์ ที่ในบทความนี้ผมจะพาทุกคนเข้าไปสำรวจกัน

1.ช่วงเริ่มต้นของเกมตู้ไฟฟ้า
ในช่วงทศวรรษ 1930 ก่อนที่ตู้เกมไฟฟ้าจะถือกำเนิด ในอดีตเกมในอุตสาหกรรมเครื่องเล่นส่วนใหญ่จะเป็นตู้เกมเชิงกลที่ใช้ดวงเป็นหลัก อย่างเช่นพวกตู้ สล็อตแมชชีน ตู้ปาจิงโกะ หรือตู้พินบอล ซึ่งด้วยความที่มันใช้ดวงเป็นหลัก สุดท้ายภาพลักษณ์ของเกมเหล่านี้จึงไม่ต่างไปจากการพนัน
เเถมในสหรัฐอเมริกาเกมเหล่านี้ยังถูกมองว่าเป็นธุรกิจสีเทา เพราะในช่วงเวลานั้น เหล่ามาเฟียต่าง ๆ มักจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจพวกนี้ โดยเฉพาะ Frank Costello เจ้าพ่อมาเฟีย เจ้าของฉายาประธานาธิบดีเเห่งโลกใต้ดิน ผู้เป็นเจ้าของเครือข่ายตู้ สล็อตแมชชีน กว่า 25,000 เเห่งทั่วสหรัฐอเมริกา
จนต่อมาในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 จนถึงช่วงหลังจบสงครามโลก (1940’s-1960’s) ตู้เกมอาร์เคดก็ได้ค่อย ๆ เปลี่ยนผ่านจากตู้เกมเชิงกลที่ใช้ดวงเป็นหลัก มาสู่ ตู้เกมไฟฟ้าเชิงกลที่เน้นใช้ฝีมือในการเล่นเเทน
โดยในปี 1941 บริษัทอเมริกาอย่าง International Mutoscope Reel Company ก็ได้ปล่อยตู้เกมเเข่งรถไฟฟ้าเกมเเรก ๆ ออกมา ในชื่อ Drive Mobile โดยตัวเกมจะให้เราบังคับพวงมาลัยในการขับรถโมเดลที่อยู่ใต้ตู้กระจก ซึ่งตัวรถจะสามารถขยับซ้ายขวาได้ตามที่เราบังคับ อย่างไรก็ตามเกมรถไฟฟ้าในยุคเเรกส่วนใหญ่จะเป็นเกมที่เราเล่นเพื่อเเข่งกับตัวเองเป็นหลัก เพราะในเกมจะยังไม่มีศัตรูหรือรถคันอื่นให้เราสู้เหมือนวิดิโอเกมในทุกวันนี้
ต่อมาในช่วงยุค 1950’s เกมตู้ไฟฟ้าก็เริ่มนำระบบจับเวลามาใช้ (Timer) เพื่อสร้างความรู้สึกเร่งด่วน เเละตื่นเต้นเวลาเล่นเกม โดยตัวอย่างของเกมที่นำระบบนี้ไปใช้ก็เช่นเกมชกมวยอย่าง K.O. Champ (1955) ที่ผลิตโดย International Mutoscope Reel Company
ซึ่งในช่วงเวลานี้ก็เป็นช่วงเวลาที่บริษัทในญี่ปุ่นเริ่มนำเกมจากอเมริกาเข้ามาขายในประเทศ ยกตัวอย่างบริษัทอย่าง Sevice Game of Japan (หรือในชื่อที่เรารู้จักกันอย่าง SEGA )

2.ยุคทองของเกมตู้ไฟฟ้าจากญี่ปุ่น
อย่างไรก็ตามในช่วงปี 1961 อุตสาหกรรมอาร์เคดของสหรัฐอเมริกาก็ได้ซบเซาลง จนทำให้บริษัทจำหน่ายตู้อาร์เคดในญี่ปุ่นที่นำเข้าเกมจากสหรัฐ อย่างเช่น Sega พลอยได้รับผลกระทบไปด้วย ส่งผลให้ในเวลาต่อมา Sega เเละบริษัทเกมอื่น ๆ ในญี่ปุ่นก็ได้เริ่มผลิตเกมตู้ไฟฟ้าของตนเองขึ้นมา
เเละนั่นก็นำไปสู่ยุคถัดไป อันเป็นยุคเรืองรองของตู้เกมไฟฟ้าจากญี่ปุ่นในช่วงยุค 60’s - 70’s เพราะยุคนี้เป็นยุคที่บริษัทญี่ปุ่นเริ่มผลิตเเละส่งออกตู้เกมไฟฟ้ากันเป็นจำนวนมาก โดยสี่จตรุเทพของยุคนี้นั้นได้เเก่บริษัท SEGA , Nakamura Manufacturing Company (Namco) ,Taito เเละ Kasco
โดยจุดเปลี่ยนของเกมไฟฟ้าในยุคนี้ คือการนำระบบเสียงมาใช้กับตัวเกมอย่างเต็มรูปเเบบ โดยตัวอย่างของเกมในยุคนี้ก็เช่น เกม Periscope ซึ่งเป็นเกมยิงเรือดำน้ำที่ผลิตโดยบริษัท Namco โดยตัวเกมจะให้เรามองผ่านกล้องเรือดำน้ำเพื่อยิงตอปิโดออกไป ซึ่งในเวลาต่อมาทาง SEGA ก็ได้นำตัวเกมมาพัฒนาต่อ เเละส่งออกไปขาย จนประสบความทั้งในญี่ปุ่น อเมริกา เเละในยุโรป
เเละจากความสำเร็จเหล่านี้เอง มันก็เลยทำให้ในเวลาต่อมาพวกบริษัทอาร์เคดในอเมริกาต่างพยายาม ก็อปตู้เกมจากญี่ปุ่นไปขายเป็นตู้เกมโคลนต่าง ๆ ซึ่งทางบริษัทญี่ปุ่นก็ตอบโต้ด้วยการออกเกมใหม่ ๆ มาทุกเดือนเพื่อสู้กับเกมโคลนเหล่านี้ เเต่ถึงอย่างนั้นสุดท้ายญี่ปุ่นก็สู้เกมโคลนพวกนี้ไม่ไหว เเละถอนตัวเกมไฟฟ้าออกจากตลาดอาร์เคดของอเมริกาในช่วงต้นยุค 70’s ในที่สุด
อย่างไรก็ตามเเม้ญี่ปุ่นจะถอนตัวออกจากตลาดอเมริกาไป เเต่ตู้เกมไฟฟ้าก็ยังคงเป็นตู้เกมที่ได้รับความนิยมในประเทศอย่างมาก โดยในปี 1973 ในญี่ปุ่นนั้นมีตู้เกมไฟฟ้ากว่า 500,000-700,000 เครื่องเลยทีเดียว

3.การมาถึงของวิดิโอเกม เเละจุดจบของตู้เกมไฟฟ้า
หากถามว่า ทำไมตู้เกมไฟฟ้าพวกนี้ถึงหายไป ? คำตอบง่าย ๆ เลยก็คือ เพราะการมาถึงของวิดิโอเกม โดยเฉพาะการมาถึงของเกมอาร์เคดชื่อดังต่าง ๆ อย่างเช่น Pong (1972) , Space Invader (1978) เเละ Pacman (1980) ซึ่งเป็นเกมที่เรียบง่ายเเละผลิตได้ง่ายกว่า
อย่างไรก็ตาม เเม้ว่าในทุกวันนี้ตู้เกมไฟฟ้าส่วนใหญ่จะค่อย ๆ ถูกลืมเลือนไป เเต่มันก็ยังมีตู้เกมไฟฟ้าบางเกมที่เกมเมอร์อย่างเรายังคงเล่นกันอยู่ โดยเกมเหล่านี้ก็เช่น เกม Air Hockey เกมตีตัวตุ่น หรือเกมโยนบาส ซึ่งเป็นเกมที่เรามักจะพบได้ทั่วไปตามร้านเกมอาร์เคดต่าง ๆ นั่นเองครับ
จบเเล้วนะครับสำหรับประวัติเกมตู้ไฟฟ้าตั้งเเต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ตรงส่วนนี้ถ้าใครเคยเล่นเกมพวกนี้ก็สามารถมาเเชร์ประสบการณ์กันได้นะครับ ว่าเคยเล่นเกมอะไรกันมาบ้าง หรือชอบเกมไหนมากที่สุด รวมถึงหากใครอยากให้ผมเล่าเรื่องอะไรอีกก็สามารถคอมเมนต์บอกกันได้นะครับ
