ความรู้สึกหลังจากเล่น Digimon Story Time Stranger
หลังจากรอคอยมานานเเสนนาน ในที่สุดทาง Bandai ก็ได้ปล่อยเกมดิจิมอน Story ภาคล่าสุดอย่าง Time Stranger ออกมาให้เหล่าสาวกหรือเเฟนเกมดิจิมอนได้ลิ้มลองกันเเล้ว ซึ่งหลังจากที่ผมได้ลองเล่นจนจบ ผมกลับพบว่า นี่คงไม่ใช่เรื่องเกินจริงเเต่อย่างใด หากผมจะบอกว่า “มันคือเกมดิจิมอน Story ที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา” เเละสำหรับเเฟนดิจิมอนอย่างผม คงไม่อาจเก็บความสุดยอดนี้ไว้ในอกคนเดียวได้ ดังนั้น ในบทความนี้ ผมจึงอยากจะมาเล่าถึงความสุดยอดของเกมนี้กัน รวมถึงมาเล่าประสบการณ์ส่วนตัว รวมถึงความรู้สึกหลังจากที่ได้ลองเล่นกันด้วย ซึ่งตรงนี้ เเม้มันจะมีบางส่วนที่คล้ายกับการรีวิวไปบ้าง เเต่หลัก ๆ จะไม่ใช่การรีวิวซะทีเดียว เพราะผมจะไม่ให้คะเเนนกับเกมนี้ จากเหตุผลที่ว่าเกมนี้มันดีเกินกว่าจะคำนวนเป็นคะเเนนได้ เเละผมเองก็ยอมรับว่าในฐานะที่เป็นเเฟนเกมดิจิมอน ผมเองก็คงจะมีอคติในการให้คะเเนนเกมนี้อย่างเเน่นอน
เเต่ถ้าถามว่ามันยอดเยี่ยมยังไง สำหรับคำถามนี้ ผมจะเเจกเเจงให้ทุกคนฟังประมาณ 3 หัวข้อด้วยกัน นั่นคือ เนื้อเรื่อง เกมเพลย์ เเละสุนทรีย์หรือองค์ประกอบเสริมอื่น ๆ ซึ่งตรงนี้ ผมนั้นขอบอกเลยว่า มันคือเกมที่พัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด จากเกม Digimon Story Cyber Sleuth ที่เป็นภาคก่อนอย่างเห็นได้ชัด จนเรียกได้ว่าไม่ผิดหวังที่รอคอยมากว่าสิบกว่าปี เอาละเรามาเริ่มต้นกันด้วยพาร์ทของเนื้อเรื่องกันก่อนละกัน โดยในพาร์ทนี้ ผมจะพยายามหลีกเลี่ยงการสปอยเนื้อเรื่องทั้งหมด เเละจะพูดเเค่อารมณ์ความรู้สึกของตัวผมเอง รวมถึงกลวิธีการเขียนบทบางส่วนเท่านั้น เพราะตัวผมเองก็อยากให้ทุกคนได้ลองไปสัมผัสความรู้สึก หรือละเลียดรสชาติของเรื่องราวเหล่านี้ด้วยตัวเองครับ

Story
หนึ่งใน Pain Point ในเกมภาคที่เเล้วคือ บทที่ค่อนข้างจะเดินเรื่องช้า อืดอาด เเละกว่าจะสนุกก็ปาไปเกินครึ่งเกมเเล้ว เเต่นี่ไม่ใช่สำหรับเกมภาค Time Stranger เเต่อย่างใด เพราะบทในภาคนี้นั้นถูกเขียนมาอย่างดี จนสนุกตื่นเต้นเเทบจะทุกบท หรือเเทบจะไม่มีช่วงที่น่าเบื่อเลย ราวกับผู้พัฒนาได้ทำการบ้านมาอย่างดีจากภาคที่เเล้ว ไม่เพียงเท่านั้น การวางโครงเรื่องยังไม่ได้เเบนราบเป็นเส้นตรง เหมือนกับเกม JRPG ดาษ ๆ ด้วย เพราะเกมนี้ เเม้เเต่ตัวผมเอง ก็ไม่อาจคาดเดาเนื้อเรื่องได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป เพราะเกือบทุกบทจะมีอะไรให้คุณเซอร์ไพรส์อยู่ตลอดเวลา ว่าง่าย ๆ ถ้าพูดเรื่องชั้นเชิงในการเล่าเเล้ว ภาคนี้ ถือว่าทำได้ดีกว่าเกมภาค Cyber Sleuth อยู่หลายขุมนัก
นอกจากนี้ ถ้าพูดถึงพวกเควสรอง ภาคนี้ก็ยังทำได้ดีกว่า เพราะ เควสรองในเกมนี้ จะไม่ใช่เควสที่เราทำไปส่ง ๆ สักเเต่เอาของ เเต่ทุกเควสจะมีเนื้อเรื่องที่เชื่อมโยงกับเส้นเรื่องหลักอยู่ ซึ่งยิ่งเราทำมากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งเข้าใจเซ็ตติ้งเรื่อง เเละเข้าใจสภาพเเวดล้อมในเกมได้ดียิ่งขึ้นเท่านั้น ซึ่งถือเป็นสเน่ห์อีกอย่างที่เเทบจะไม่ค่อยเห็นในเกมดิจิมอนเกมไหนสักเท่าไหร่
โดยในส่วนของตัวละครเเละการเกลี่ยบท ในภาคนี้ก็ถือว่าทำได้ยอดเยี่ยม เพราะในภาค Time Stranger ผมเเทบจะไม่เห็นตัวละครไหน ไม่สำคัญกับเนื้อเรื่องเลย เพราะตัวละครโดยส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะมนุษย์หรือดิจิมอน ต่างก็มีบทบาทกับเนื้อเรื่องกันทั้งนั้น โดยเฉพาะตัวละครหลักที่ในภาคนี้ ถือว่ามีอยู่เยอะกว่าภาคที่เเล้วมาก เเละที่สำคัญเเต่ละตัวก็ยังมีบทเกลี่ย ๆ กันไป ไม่มีตัวไหนบทน้อยจนน่าเกลียด หรือเป็นตัวละครที่จืดจางจนไม่น่าจดจำ ไม่เพียงเท่านั้น ตัวละครหลักเหล่านี้ ยังมีชีวิตชีวา เเละสร้างความผูกผันทางอารมณ์ให้กับตัวผมเองได้อย่างน่าทึ่ง จนทำให้ผมเกือบร้องไห้ได้ เรียกได้ว่านี่คืออีกจุดเด่นของเกมนี้ที่เราจะไม่เพียงสนุกไปเกมเพลย์เฉย ๆ เเต่ตัวเกมยังพาผู้เล่นหวนคืนสู่ความทรงจำดี ๆ ที่เรามีร่วมกับดิจิมอน รวมถึงผจญภัยไปกับพวกพ้องคนสำคัญที่เราต่างยังคงจดจำพวกเขาได้หลังจากเล่นเกมจบครับ

Gameplay
นอกจากเนื้อเรื่องที่ยกระดับขึ้นเเล้ว เกมเพลย์ของภาคนี้ ก็ยังทำออกมาสนุกขึ้น ไม่ว่าจะในเเง่ของจำนวนดิจิมอนที่เพิ่มมากขึ้น , ระบบอำนวยความสะดวกต่าง ๆ หรือ Quality of Life ที่เป็นมิตรกว่าเดิม หรือเเม้เเต่ความลึกของระบบเกมที่ดูมีมิติยิ่งขึ้น เริ่มจาก จำนวนของดิจิมอน ที่ในภาคนี้ จะมีมากกว่า 475 ตัว ซึ่งมีมากกว่าภาคก่อนถึง 100 กว่าตัว โดยตัวที่เพิ่มมานี้ ก็จะมีพวกดิจิมอนกลุ่มใหม่ ๆ ที่เป็นที่รู้จักกันอีกเพียบ ซึ่งตรงนี้ ผมขอไม่สปอยละกันว่ามีตัวอะไรบ้าง เพราะเดี๋ยวเวลาเราไปเจอในเกมจะไม่เซอร์ไพรส์เอา ส่วนระบบ Quality of Life ที่เพิ่มมาก็จะมีอยู่หลายอย่างด้วยกัน เริ่มจาก ระบบขี่ดิจิมอน ที่ในภาคนี้เราจะไม่ต้องเดินอย่างเดียวอีกเเล้ว ซึ่งทำให้เราเดินเเมปได้เร็วขึ้น เเถมยังได้ขี่ดิจิมอนที่เราปั้นมาเเบบเท่ ๆ อีกด้วย
ระบบต่อมาคือ Fast Travel อันนี้ น่าจะถูกนำเข้ามา เพราะเเมปในเกมนี้ มันมีขนาดใหญ่กว่าเดิมจนไม่น่าจะเดินเองไหว ดังนั้นในเกมเราเลยสามารถขี่ดิจิมอนข้ามเเมปไปมาได้ เเถมไม่มีค่าใช้จ่ายเเต่อย่างใด ผิดกับภาคที่เเล้วที่เราจะต้องเจียดเงินไปซื้อวาร์ปเอา ถัดมาคือ ระบบเร่งความเร็วตอนสู้ กับระบบออโต้ ที่เราสามารถเร่งความเร็วได้สูงสุดถึง 5 เท่า ซึ่งเป็นระบบที่ดีต่อการฟาร์มพอสมควร เพราะมันจะช่วยลดความน่าเบื่อเวลาฟาร์มได้เยอะเลย เเละที่ผมชอบที่สุด คือการพัฒนาร่างเเละการอีโวของเกมนี้ ที่จะต่างจากภาคก่อนตรงที่ ในภาคนี้ เราจะพัฒนาร่างที่ไหนก็ได้เเล้ว ไม่จำกัดว่าจะต้องมานั่งอีโวที่ห้องวิจัยหรือสถานที่เฉพาะเหมือนกับภาค Cyber Sleuth ซึ่งเป็นอะไรที่ผมค่อนข้างจะไม่ชอบเอามาก ๆ เพราะเวลาเอาดิจิมอนไปปั้น บางทีเราเอาดิจิมอนไปลงด่านไกล ๆ มันจะมีโมเมนต์ที่เวลดิจิมอนเราขึ้นจนอัพร่างได้เเล้ว เเต่ดันต้องวิ่งกลับไปเพื่ออีโวซะอย่างนั้น
ส่วนระบบที่เพิ่มความลึก มันจะมีอยู่สองอย่างที่ผมต้องพูดถึง อย่างเเรกคือนิสัยของดิจิมอน ที่ในภาคนี้ เราจะสามารถเปลี่ยนนิสัยดิจิมอนจากการพูดคุยได้ ว่าง่าย ๆ ถ้าเราคุยกับมันเเบบนึง นิสัยก็จะเป็นเเบบหนึ่ง เเต่ถ้าเราคุยกับมันอีกเเบบ นิสัยมันก็จะออกมาอีกเเบบครับ ซึ่งนิสัยพวกนี้ ก็ไม่ได้มีไว้โชว์เฉย ๆ เเต่ยังส่งผลต่อสกิล Passive เเละการเพิ่มค่าสถานะในเกมด้วย ส่วนอีกระบบคือ Agent Ranks กับ Agent Skill อันนี้จะเป็นเลเวลเเละสกิลของตัวเอกของเรา ที่คล้าย ๆ กับระบบเกม RPG สมัยใหม่ที่มันจะมีกริดหรือสายสกิลให้เราอัพต่อ ๆ กันไป โดย Agent Skill หลัก ๆ เราจะต้องสะสม Anomaly Point ในการปลดล็อค ซึ่งจะได้มาจากการทำเควสหลัก หรือเควสเสริม ส่วน Agent Ranks เนี่ยมันจะเพิ่มขึ้นหลังจากเราอัพ Agent Skill ไปได้ถึงจุดที่ตัวเกมกำหนดครับ เช่น ใช้ Anomaly Point อัพAgent Skill ถึง 100 Point ขึ้นไป อะไรพวกนี้

Aesthetic Element
ในส่วนสุดท้าย คือด้านสุนทรีย์ ซึ่งอันนี้จะรวมทั้งงานด้านภาพเเละเสียงไว้ด้วยกัน รวมถึงการออกเเบบฉากเเละสถานที่ต่าง ๆ ภายในเกมด้วย ซึ่งจากเท่าที่เล่นมา ผมค่อนข้างจะชอบภาคนี้มากกว่าทุกภาค ไม่ใช่เพราะเเค่ว่าเรื่องภาพสวยเเต่ เเต่เป็นเรื่องของการออกเเบบฉากหรือด่าน ที่สัมผัสได้เลยว่าทีมงานต่างตั้งใจสร้างเกมกันสุด ๆ เพราะมันถูกสร้างสรรค์เเบบเเทบจะไม่มีการใช้ฉากซ้ำ ๆ ให้เอียนเลย ผิดกับภาคที่เเล้ว ที่จะรียูสด่านมาใช้ซ้ำ ๆ จนเห็นได้ชัดเจน ไม่ใช่เเค่นั้น ฉากเเต่ละฉากยังมีมิติของมันเเละมีชีวิตชีวาราวกับเป็นโลกที่ดิจิมอนอาศัยอยู่จริง ๆ คือมันกลมกล่อมจนเหมือนเราหลุดเข้าไปในอนิเมะอย่างไรอย่างนั้น เอาเป็นว่าในเรื่องขององค์ประกอบฉากนั้น ช่างไร้ที่ติ เเละเที่ยวชมได้ไม่รู้เบื่อครับ
ในเรื่องของเสียงนั้น เเม้จะที่ให้ติได้บ้างในส่วนของเอฟเฟคประกอบ ที่มีการเอาเอฟเฟคจากภาคก่อนมาใช้ซ้ำ เเต่โดยรวมพวกเพลงประกอบก็ทำได้ไพเราะดี โดยเฉพาะเพลง To the Endless World หรือ wherever you are ที่ตอนนี้กลายเป็นเพลงที่ผมต้องวนกลับมาฟังซ้ำ ๆ เลยด้วยซ้ำ

Conclusion
สุดท้ายนี้ ผมก็ขอสรุปเลยว่า ที่ผมเห็นว่าเกมนี้เป็นเกม Digimon Story ที่ยอดเยี่ยมที่สุดนั้น จริง ๆ มันก็มาจากเหตุผลสามประการด้วยกัน คือเรื่องของเนื้อเรื่องที่ทำได้ดี เกมเพลย์ที่ทำได้เยี่ยม เเละสุนทรีย์ที่ไพเราะเเละงดงามกว่าทุกภาค ซึ่งทั้งสามอย่างนี้ล้วนเเสดงให้เห็นถึงความใส่ใจในการทำเกมดี ๆ ออกมาสักเกม เกมที่เปรียบดั่งมณีเม็ดงามที่พวกเขาขัดเกลามาตลอดหลายปี ซึ่งผมขอขอบคุณพวกเขาจากใจจริงด้วยการบรรยายความรู้สึกต่อตัวเกมออกมาผ่านบทความนี้ครับ