เว็บไซต์ GamesRadar+ รายงานบทสัมภาษณ์เบื้องหลังความสำเร็จของเกมม้ามืดแห่งปีอย่าง Clair Obscur: Expedition 33 ที่เพิ่งกวาดรางวัลมาหมาด ๆ โดยทีมงาน Sandfall Interactive ได้ออกมาเปิดเผยแนวคิดการพัฒนาที่ฟังดูขัดแย้งแต่กลับได้ผลชะงัด นั่นคือการทำเกมเพื่อ 'ตัวเอง' ไม่ใช่เพื่อ 'คนอื่น'
ยิ่งเรารู้จักทีมพัฒนาเกมนี้มากเท่าไหร่ ตัวตนของเกมก็ยิ่งชัดเจนขึ้นเท่านั้น (เช่นการที่ทีมงานเป็นแฟนตัวยงของ Final Fantasy X และ Lost Odyssey หรือท่าโจมตีของตัวละคร Verso ที่ถอดแบบมาจาก Vergil ใน Devil May Cry เป๊ะ ๆ)
Guillaume Broche ผู้กำกับเกมได้ให้สัมภาษณ์ผ่านจดหมายข่าว Knowledge ของสื่อ Edge เกี่ยวกับเคล็ดลับความสำเร็จว่า "ผมคิดว่าความลับคือการปรับเกมให้เข้ากับทีมที่คุณมี ไม่ใช่ทำกลับกันครับ" เขาอธิบายต่อว่า "มันไม่ใช่เรื่องของกระบวนการ แต่มันคือการสร้างเกมที่ 'คุณเองอยากจะเล่น' มันอาจจะดูย้อนแย้งนะครับ แต่จงพยายาม 'อย่าไปแคร์ผู้เล่นมากเกินไปนัก' เพราะถ้าคุณใส่ใจในตัวเกมที่คุณทำ ท้ายที่สุดแล้วมันก็หมายความว่าคุณใส่ใจผู้เล่นนั่นแหละครับ"
Broche ขยายความต่อว่า "วิธีที่ดีที่สุดในการใส่ใจผู้คนสำหรับผม คือการทำสิ่งที่ 'จริงใจ' ถ้าเกมมันให้ความรู้สึกถึงความเป็นมนุษย์ ต่อให้มีจุดบกพร่องเล็ก ๆ น้อย ๆ บ้าง มันก็เป็นเรื่องที่อภัยได้ครับ ขอแค่เกมมันต้องมี 'จิตวิญญาณ' และตัวตนที่แข็งแกร่งก็พอ"
ทางด้าน Jennifer Svedberg-Yen หัวหน้าทีมเขียนบทได้เสริมถึงบรรยากาศการทำงานว่า ทุกส่วนประกอบของเกมทำงานร่วมกันได้ดีเพราะทีมงานปล่อยให้แต่ละฝ่ายส่งอิทธิพลถึงกันและกัน "งานศิลป์ส่งผลต่อเนื้อเรื่อง เนื้อเรื่องส่งผลต่องานศิลป์ ดนตรีก็ส่งผลต่อทั้งคู่ มันมีการผสมผสานไอเดียข้ามสายงานกันเยอะมาก และนั่นทำให้ผลลัพธ์โดยรวมมันยิ่งใหญ่กว่าแค่การเอาชิ้นส่วนมารวมกันเฉย ๆ "
ที่มา GamesRadar+
