ผู้พัฒนา DOOM: The Dark Ages เผย Ray-Tracing คือกุญแจสำคัญที่ทำให้เกมเสร็จเร็วขึ้น

แชร์เรื่องนี้:
ผู้พัฒนา DOOM: The Dark Ages เผย Ray-Tracing คือกุญแจสำคัญที่ทำให้เกมเสร็จเร็วขึ้น

หลังจากรอคอยมานานถึงห้าปี ในที่สุดแฟนเกมก็ได้สัมผัสกับ DOOM ภาคใหม่ในชื่อ DOOM: The Dark Ages เพื่อฉีกกระชากศัตรูอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม เราอาจจะต้องรอคอยนานกว่านี้มากหากไม่ใช่เพราะเทคโนโลยี Ray-Tracing

ในการให้สัมภาษณ์กับสื่อ Digital Foundry, Billy Khan ผู้อำนวยการฝ่ายเทคโนโลยีเอนจิ้นของ id Software ได้พยายามอธิบายและลดความกังวลบางประการเกี่ยวกับคุณสมบัติ Ray-Tracing และผลกระทบด้านประสิทธิภาพที่อาจมีต่อฮาร์ดแวร์ระดับล่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ Ray-Tracing เริ่มกลายเป็นข้อกำหนดบังคับสำหรับเกมบางเกม เช่น Indiana Jones and the Great Circle และ Star Wars Outlaws เขาอธิบายว่า Ray-Tracing เป็นมากกว่าแค่เทคนิคการสร้างแสงเงาที่สวยงาม แต่ยังเป็นเครื่องมือที่ช่วยเร่งกระบวนการพัฒนาเกมได้อย่างมีนัยสำคัญ

Khan กล่าวว่า "Ray-Tracing ช่วยให้เราทำงานในลักษณะ WYSIWYG (What You See Is What You Get หรือ เห็นอย่างไรได้อย่างนั้น) ได้อย่างแท้จริง โดยมาแทนที่การแสดงผลโดยประมาณที่ศิลปินและนักออกแบบเคยใช้ ด้วยภาพที่ตรงกับสิ่งที่จะปรากฏบน PC หรือคอนโซลจริงๆ โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการ Bake ที่ใช้เวลานานหลายชั่วโมง มันเป็นการปรับปรุงระยะเวลาการทำงานซ้ำ (iteration time) ให้เร็วขึ้น 10 เท่า หรืออาจจะถึง 100 เท่าด้วยซ้ำ ยกตัวอย่างเช่น ปัจจุบันนักออกแบบแสงสามารถย้ายตำแหน่งแสงในระหว่างการประชุมได้ทันที หากเราต้องการให้จุดใดจุดหนึ่งมืดลง"

หากไม่มี Ray-Tracing และเรายังคงมีเป้าหมายการออกแบบเดียวกัน เราอาจจะต้องยืดระยะเวลา [การพัฒนา] ออกไปอีกหลายปี เพราะเราจะไม่สามารถสร้างเนื้อหาประเภทเดียวกันนี้ได้ทันท่วงที

Billy Khan

 

การบังคับใช้ Ray-Tracing อาจกลายเป็นมาตรฐานใหม่ในไม่ช้า ไม่เพียงแต่ Ray-Tracing จะช่วยลดระยะเวลาในการพัฒนา แต่ยังช่วยลดความต้องการพื้นที่จัดเก็บข้อมูลของเกมอีกด้วย ลองดูขนาดไฟล์ของ The Dark Ages ซึ่งอยู่ที่เพียง 69.52GB ซึ่งถือว่าค่อนข้างน้อยในปัจจุบัน (DOOM Eternal มีขนาดไฟล์ 88.97 GB บน PC) เนื่องจากการคำนวณ Ray-Tracing ทั้งหมดเกิดขึ้นแบบ Real-time จึงใช้พื้นที่น้อยกว่าการใช้แผนที่แสงเงาที่ผ่านการ Bake ไว้ล่วงหน้า (pre-baked maps) ทำให้การพัฒนาเกมง่ายขึ้นทั้งสำหรับผู้พัฒนาและผู้เล่น

ดังนั้น แม้ว่าอาจจะเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันอยู่บ้าง แต่ก็เป็นที่เข้าใจได้ว่าเหตุใดเกมจำนวนมากขึ้นจึงไม่เสนอตัวเลือกให้ปิดการใช้งาน Ray-Tracing อีกต่อไป ดังที่ Khan กล่าวว่า "ทุกแพลตฟอร์มในปัจจุบันต่างก็รองรับ Ray-Tracing" แม้ว่าเขาจะหมายถึงแพลตฟอร์มที่ The Dark Ages วางจำหน่าย ได้แก่ PC, Xbox Series X/S และ PS5 แต่แม้กระทั่ง Nintendo Switch 2 ก็จะรองรับเทคโนโลยี RTX ด้วยเช่นกันตามข่าวที่ออกมา

อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันยังมีเกมเพียงไม่กี่เกมเท่านั้นที่บังคับใช้ Ray-Tracing ดังนั้นมันจึงยังไม่กลายเป็นมาตรฐานปกติเสียทีเดียว แต่ก็อย่าแปลกใจหากในอนาคตอันใกล้นี้ จะมีนักพัฒนาจำนวนมากขึ้นเลือกที่จะใช้แนวทางนี้

Source : thegamer

แชร์เรื่องนี้:
FitcherTZ
FitcherTZ

Content Writer

เรื่องที่เกี่ยวข้อง