Fallout ภาคดั้งเดิมนั้นเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะถูกนำมารีมาสเตอร์แต่ Tim Cain หนึ่งในหัวหน้าทีมผู้สร้าง Fallout ภาคแรก ได้กล่าวว่ากระบวนการในการทำเช่นนั้น หากและเมื่อมีใครตัดสินใจจะทำ มันคงมีความซับซ้อนมากกว่าที่คิดไว้มาก
หลายท่านอาจทราบดีว่า Tim Cain มักจะแบ่งปันเรื่องราวเบื้องหลังการทำงานในอดีตของเขาอย่างเจาะลึก และวิดีโอของเขาก็มักจะให้ทั้งข้อมูล ความรู้ และความบันเทิง สำหรับการพูดคุยล่าสุดของเขา อาจจะต้องเพิ่มคำว่าน่าผิดหวังเล็กน้อยเข้าไปด้วย เพราะในขณะที่ Cain ไม่ได้ต่อต้านแนวคิดการรีมาสเตอร์ Fallout อย่างสิ้นเชิง เขาก็ได้ชี้ให้เห็นถึงอุปสรรคมากมายที่โครงการลักษณะนี้จะต้องเผชิญ
ประการแรกและสำคัญที่สุดคือ
ประเด็นด้านกฎหมายถือเป็นอุปสรรคใหญ่ที่อาจเกิดขึ้น: บริษัท Bethesda ซึ่งปัจจุบันเป็นเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญา Fallout จะต้องเป็นผู้อนุมัติโครงการทั้งหมด และคาดว่าลิขสิทธิ์เพลงประกอบต่างๆ ก็จะต้องมีการขออนุญาตใหม่เช่นกัน เพราะการรีมาสเตอร์ Fallout โดยไม่มีเพลงของวง The Inkspots ก็คงจะไม่ใช่สิ่งที่แฟนๆ ยอมรับได้
แม้ว่าจะได้รับการอนุมัติจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง อายุของเกม Fallout ก็เป็นอีกหนึ่งปัญหา: ไลบรารีเสียงและวิดีโอของเกมเป็นกรรมสิทธิ์เฉพาะ และตัวเกมถูกคอมไพล์โดยใช้ Watcom compiler ซึ่งเป็นเครื่องมือที่เก่า มีบั๊ก และมีความสามารถที่จำกัดมาก นอกจากนี้ มันยังไม่สามารถเข้ากันได้กับ DirectX เวอร์ชั่นใหม่ๆ ซึ่งก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่สร้างความปวดหัวให้กับโปรแกรมเมอร์
แต่ปัญหาทางกฎหมายและอุปสรรคทางเทคนิคก็ยังสามารถเอาชนะได้ สิ่งที่น่าสนใจจริงๆ คือสิ่งที่ Cain อธิบายว่าเป็นแนวทางที่ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจส่วนบุคคล ในการรีมาสเตอร์ประสบการณ์ของ Fallout บั๊กบางอย่างเห็นได้ชัดว่าเป็นปัญหาและ Fallout ก็มีบั๊กอยู่ไม่น้อย แต่บั๊กอื่นๆ บางอย่างกลับเป็นส่วนหนึ่งที่สร้างความรู้สึกให้กับ Fallout ตัวอย่างเช่น Cain กล่าวว่าเขาสามารถทำให้ AI ของเพื่อนร่วมทีม (companion) ดีขึ้นกว่าเดิมมาก ได้อย่างง่ายดาย แต่คำว่าดีขึ้นในที่นี้มันขึ้นอยู่กับมุมมอง การปรับปรุงนี้จะลบความติดขัดบางอย่างออกไป รวมถึงความติดขัดที่สนุกสนาน ที่ผู้คนชื่นชอบด้วย คุณก็รู้ เช่น Ian จะไม่ยิงปืน Uzi ในโหมด Burst ใส่คุณโดยไม่ได้ตั้งใจอีกต่อไป
จากนั้น Cain ได้ไล่รายการสิ่งอื่นๆ ที่อาจจะเปลี่ยนแปลงได้ ควรจะเปลี่ยนแปลง หรืออาจจะไม่ควรเปลี่ยนแปลงก็ได้ ตัวอย่างเช่น ความสามารถในการจบเกม Fallout โดยไม่จำเป็นต้องค้นหา Water Chip ซึ่งเป็นหัวใจหลักของเกม หรือบั๊กในโค้ดที่ป้องกันไม่ให้เกิด Critical Success ในการเล่นหมากรุกกับซูเปอร์คอมพิวเตอร์ ZAX ทั้งสองกรณีนี้ในทางเทคนิคถือเป็นบั๊ก แต่ในปัจจุบันมันก็ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของตำนาน (mythos) ของ Fallout ที่เป็นที่ยอมรับไปแล้ว คำถามคือ ควรจะแก้ไขสิ่งเหล่านี้ในเวอร์ชันรีมาสเตอร์หรือไม่
คำถามที่คล้ายกันนี้ยังครอบคลุมไปถึงแง่มุมที่ละเอียดอ่อนยิ่งขึ้นของเกม เช่น ระดับความยาก, ความละเอียดของจอแสดงผล และแน่นอนว่ารวมถึง UI ที่ดูล้าสมัยของ Fallout "ผู้คนเกลียดระบบช่องเก็บของแบบแถบยาวๆ ที่เราเคยมีมาก และการที่เมื่อคุณเพิ่มไอเทมเข้าไป มันจะไปอยู่ด้านล่างสุด ทำให้คุณต้องเลื่อนลงไปจนสุด" Cain กล่าว
"วิธีแก้ไขง่ายๆ คือ ทำให้ไอเทมล่าสุดที่เพิ่มเข้าไปอยู่ด้านบนสุด เป็นรายการแรกในลิสต์ หรือจะเพิ่มตัวเลือก 'จัดเรียงตาม' ทั้งหมดเลยดีไหม – จัดเรียงตามน้ำหนัก, จัดเรียงตามมูลค่า, จัดเรียงตามที่เพิ่มล่าสุด? หรือจะทำเป็นแบบตาราง แทนที่จะเป็นแถบยาวๆ เราก็ทำเป็นตารางไปเลย? นั่นน่าจะง่ายกว่ามาก แต่ตอนนี้เรากำลังเปลี่ยนแปลง Fallout ดั้งเดิมไปมากแค่ไหน? นี่เป็นเพียงการปรับปรุงคุณภาพการเล่น หรือคุณกำลังสร้างเกมใหม่ขึ้นมากันแน่"
นี่เป็นหัวข้อที่น่าสนใจซึ่งไปไกลกว่าแค่เกม Fallout และเป็นสิ่งที่ Cain ได้ครุ่นคิดมาอย่างดี ซึ่งเพื่อให้เกิดความชัดเจน ไม่ควรตีความว่าเขากำลังดำเนินการสร้าง Fallout รีมาสเตอร์อยู่จริง "ผมไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าผมอยากจะทำสิ่งนี้หรือไม่" เขากล่าวอย่างหนักแน่นในช่วงเริ่มต้นของการสนทนา "และเมื่อคุณดูวิดีโอนี้ไปเรื่อยๆ คุณจะเข้าใจเองว่าทำไม"
แต่เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธแนวคิดนี้โดยสิ้นเชิงเช่นกัน ในขณะที่เขา "ไม่มีความสนใจใดๆ ทั้งสิ้น" ที่จะพยายามแก้ไขปัญหาทางกฎหมายที่ซับซ้อน Cain กล่าวว่าเขา "อยากจะลงลึกและทำงานกับปัญหาทางเทคนิคบางอย่างเหล่านี้มาก" สำหรับส่วนที่เหลือ เขาก็มีแนวคิดบางอย่างแต่ไม่ได้ต้องการที่จะโต้เถียง แม้ว่าเขาจะยอมรับว่าการโต้เถียงนั้นเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ก็ตาม
"สิ่งสำคัญที่สุดคือการทำงานในโครงการรีมาสเตอร์เช่นนี้ควรจะเป็นเรื่องสนุก" Cain กล่าวสรุป "การพูดคุยเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ควรจะเป็นเรื่องสนุก ผมไม่รู้สึกอยากจะโต้เถียงเกี่ยวกับมัน แต่ผมรู้สึกอยากจะพูดคุยถึงมันในรายละเอียด ผมชอบทำแบบนั้น ใครก็ตามที่จะต้องมารีเมกเกมนี้จะต้องเข้าใจว่าการพูดคุยบางอย่างเหล่านั้นจะกลายเป็นการโต้เถียง และการตัดสินใจในเรื่องที่เป็นอัตวิสัยบางอย่างนั้นไม่มีคำตอบที่ถูกต้องเพียงหนึ่งเดียว และผู้คนก็จะโต้เถียงกันว่าจะทำอย่างไร"
ที่มา pcgamer
