โลลิวิทยา 101 : ย้อนรอยประวัติเเละรากเหง้าของโลลิคอน

แชร์เรื่องนี้:
โลลิวิทยา 101 : ย้อนรอยประวัติเเละรากเหง้าของโลลิคอน

“โลลิคอน” นี่คือ คำที่บางคนอาจจะเเค่เคยได้ยิน ในขณะที่บางคนอาจจะคุ้นชินกับมันเป็นยอย่างดี เเต่ทั้งนี้ ไม่ว่าเราจะรู้จักกับมันมากเเค่ไหน ผมเชื่อว่ายังไง “โลลิคอน” ก็ยังมีอะไรให้เราศึกษาเเละเรียนรู้อีกเยอะ ไม่ว่าจะเป็น ประวัติเเละรากเหง้าของโลลิคอน ประเด็นทางจริยธรรมของการเสพสื่อประเภทนี้ รวมถึง ความอิหลักอิเหลื่อในการตัดสินว่า ตัวละครไหนบ้างที่เข้าข่ายเป็นตัวละครเด็กจริง ๆ (เช่นพวกตัวละครที่รูปลักษณ์เหมือนเด็ก เเต่อายุไม่เด็กเเล้ว)

โดยในบทความนี้ เราจะมาพูดถึงประวัติของโลลิคอนกัน เเต่ก่อนเราจะเข้าย้อนไปดู เพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน ผมก็อยากจะพาทุกคนไปสำรวจ ความหมายของ “โลลิคอน” ก่อน ว่ามันคืออะไร เเละมันเเตกต่างจากคำว่า เพโดฟิเลีย (Pedophilia) อย่างไรบ้าง

(คำเตือน : นี่คือบทความที่มีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเป็นหลัก มิใช่งานเพื่อส่งเสริมพฤติกรรมใด ๆ ทั้งสิ้น)

ตัวละครจากเพลง Shukusei!! Loli Kami Requiem

“โลลิคอน” คืออะไร ?

จริง ๆ คำว่า “โลลิคอน” นั้นมันไม่ใช่คำที่มีความหมายคงเดิมตลอด เพราะเมื่อเวลาผ่านไป ความหมายของมันก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเเปลงไปตามยุคสมัย (ซึ่งเดี๋ยวจะอธิบายเพิ่มอีกทีตอนเล่าถึงประวัติ) เเต่ถ้าจะเอาความหมายที่เราใช้กันในทุกวันนี้ หลัก ๆ เเล้ว  “โลลิคอน” จะมีความหมายอยู่สองเเบบด้วยกัน โดยความหมายเเรกจะหมายถึงพวกมังงะ อนิเมะ หรือเกม ที่ในเรื่องจะมี ตัวละครผู้ชายที่หลงใหลตัวละครเด็กผู้หญิง ซึ่งเด็กผู้หญิงที่ไร้เดียงสาเหล่านี้ ส่วนใหญ่เเล้วเราจะเรียกว่าพวกเธอว่าเป็นตัวละคร “โลลิ” ครับ

อย่างไรก็ตาม คำว่า “โลลิ” ของเเต่ละคนก็มีเกณฑ์ไม่เหมือนกันอีก โดยบางคนอาจมองว่า ถ้ายังไม่ถึง 18 หรือยังไม่บรรลุนิติภาวะก็ถือว่าเป็น ตัวละคร “โลลิ” เเล้ว (ซึ่งถ้าตามนิยามนี้ สาวม.ปลาย ก็จะถูกนับว่าเป็นตัวละครโลลิด้วย)  ในขณะที่บางคนมองว่า “โลลิ” มันต้องอายุประมาณ สาวม.ต้น หรือต่ำกว่านั้น เเต่ทั้งนี้ เพื่อให้ประวัติมันครอบคลุมที่สุด ผมเลยจะยึดนิยามอย่างกว้างไว้ นั่นคือ ตัวละครหญิงที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ครับ

ส่วนอีกความหมายของ “โลลิคอน” นั้น จะใช้เรียก บุคคลที่มีความหลงใหลหรือชื่นชอบในตัวเด็กผู้หญิง ซึ่งอาจจะกินความรวมทั้งตัวละครเสมือน หรือตัวบุคคลจริง ๆ ก็ได้ ซึ่งตรงนี้อาจจะดูคล้าย ๆ กับ เพโดฟิเลีย เเต่จริง ๆ เเล้ว ไม่เหมือนกัน เพราะ เพโดฟิเลีย จะหมายถึงคนที่มีความรู้สึกทางเพศกับเด็ก ซึ่งเกินกว่าคำว่า หลงใหล หรือชอบเฉย ๆ ไปเเล้ว (เเต่ในสังคมร่วมสมัย บางที คำทั้งสองคำนี้ มักจะถูกใช้เป็นสเเลงที่มีความหมายเเทนกัน ทั้งที่จริง ๆ มันมีความหมายเเตกต่างกัน)

อิซึมิ ซางิริ จากอนิเมะเรื่อง น้องสาวของผมคืออาจารย์เอโรมังกะ

รากเหง้าของคำว่า “โลลิคอน” 

เมื่อพูดถึงประวัติของคำว่า “โลลิคอน” ยังไงก็คงไม่พ้น ที่จะต้องพูดถึง นวนิยายเรื่อง Lolita (1955) ที่เขียนโดย  วลาดิเมียร์ นาโบคอฟ เพราะที่มาของคำว่า “โลลิคอน” จริง ๆ ก็มาจากนิยายเรื่องนี้นี่เเหละ โดยนิยายเรื่องนี้ จะเล่าถึง ความสัมพันธ์ต้องห้าม ระหว่างชายวัยกลางคน กับเด็กสาวผู้เป็นลูกบุญธรรมของเขา สาวน้อยผู้มีอายุเพียง 12 ปี เเละมีชื่อเล่นว่า โลลิตา อย่างไรก็ตาม ด้วยประเด็นล่อเเหลมเช่นนี้ ตัวนวนิยายจึงรับความนิยมอย่างเเพร่หลาย จนมีคนพยายามนิยามความสัมพันธ์ต้องห้ามนี้ว่า Lolita Complex รวมถึงมีการตีพิมพ์เเละเเปลหนังสือเล่มนี้ ไปยังภาษาต่าง ๆ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ ภาษาญี่ปุ่น

โดยเราจะเห็นอิทธิพลของคำเหล่านี้ในญี่ปุ่น ผ่านพวกมังงะในทศวรรศ 70 ที่มีงานบางชิ้นรับเอาคำว่า Lolita มาใช้ในงานของตน เช่น มังงะเรื่อง Falling in the Cabbage Field (1974) ที่มีการอ้างอิงคำว่า Lolita Complex เป็นครั้งเเรก ส่วนคำว่า โลลิคอน นั้น จริง ๆ มันคือคำที่ย่อมาจาก Lolita Complex โดยจุดเริ่มต้นของคำนี้ เเม้ว่าจะไม่ทราบเเน่ชัด เเต่ก็มีข่าวลือว่า คุณฮายาโอะ มิยาซากิ (ผู้กำกับอนิเมชั่น Ghibli) คือคนที่ทำให้คำนี้เป็นที่เเพร่หลายในหมู่คนญี่ปุ่นครับ

อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพียงเเค่ที่มาของคำว่า “โลลิคอน” เท่านั้น ยังไม่ใช่ประวัติของสื่อเเนวนี้ในญี่ปุ่น ว่าง่าย ๆ มันเเค่ที่มาในเชิงนิรุกติศาสตร์ (Etymology หรือศาสตร์ว่าด้วยต้นกำเนิดของคำต่าง ๆ ) ดังนั้น ในพาร์ทต่อไป เดี๋ยว เราจะไปเจาะลึกประวัติของสื่อเเนวนี้กัน

Falling in the Cabbage Field (1974)

ประวัติศาสตร์ของสื่อเเนวโลลิคอนในญี่ปุ่น 

ย้อนกลับไปช่วงยุค 70 นี่คือช่วงบุกเบิกของสื่อเเนวโลลิในญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ เพราะในช่วงนี้เอง ที่ ฮิเดโอะ อาซึมะ (Hideo Azuma) นักเขียนผู้เป็นบิดาเเห่งโลลิ ได้เเจ้งเกิด ซึ่งเเม้ผลงานของเขาจะมีลายเส้นคล้ายกับบิดาเเห่งมังงะอย่าง เทซูกะ โอซามุ (Tezuka Osamu) เเต่เนื้อหาข้างในกลับเต็มไปด้วย ตัวละครสายโลลิ ที่บางเรื่องจะเป็นความรักกุ๊กกิ๊กทั่วไป เเต่ในบางเรื่องก็ถึงกับมีซัมติ่งกับตัวละครชายเลยด้วยซ้ำ ว่าง่าย ๆ เขาคือผู้บุกเบิกที่นำลายเส้นน่ารัก ๆ มาผสมกับความอีโรติคในมังงะ  โดยตัวอย่างผลงานของเขาก็เช่น Hizashi , Little Pollon of Olympus หรือ Cybele เป็นต้น อย่างไรก็ตาม เเม้การ์ตูนของเขาจะมีฉากอย่างว่าอยู่ เเต่ฉากเหล่านี้อย่างน้อยเราก็จะไม่เห็นอวัยวะเพศของตัวละครครับ

ถัดมาเมื่อเข้าสู่ช่วงต้น 80 กระเเสของโลลิคอนก็ได้รับนิยมถึงขีดสุด จนเรียกได้ว่าเป็นช่วง โลลิคอนบูมเลยทีเดียว โดยในยุคนี้จะเริ่มมีนิตยสารอย่าง Comic Lemon People เเละ Manga Burikko ที่เป็นนิตยสารที่รวมมังงะโลลิคอน หรือ Bishojo ไว้ (สมัยก่อน Bishojo จะมีความหมายเท่ากับโลลิคอนด้วย เพราะ Bishojo จะเป็นการ์ตูนที่เน้นตัวเอกหญิงที่เป็นสาววัยเรียน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสาวม.ปลาย หน้าตาน่ารัก ๆ ดังนั้นสมัยนั้นในวงการเลยเรียก Bishojo ว่าโลลิคอน เเต่ในทุกวันนี้ เรามักจะใช้คำว่า โลลิคอน กับตัวละครผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่อายุน้อยกว่านั้น)

Little Pollon of Olympus

ซึ่งนักเขียนที่โดดเด่นในยุคนี้ ก็ได้เเก่ อุจิยามะ อากิ Uchiyama Aki นักเขียนมังงะผู้เคยเขียนเเนวเกคิกะมาก่อน (Gekiga คือการ์ตูนสำหรับผู้ใหญ่ที่นิยมอ่านกันในช่วงยุค 60-70) ดังนั้นงานของเขาจึงเป็นมังงะโลลิคอนสายฮาร์ดคอร์ ที่เน้นเฟติชเป็นหลัก เช่น เฟติชผ้าอ้อม หรือปัสสาวะ เเต่เเม้จะเน้นเฟติช เเต่งานของเขาจะไม่มีการร่วมเพศระหว่างกัน ซึ่งตัวอย่างของงานเขาก็เช่น Andro Trio เป็นต้น นอกจากอากิเเล้ว ในยุคนี้ ก็ยังมีนักเขียนคนอื่นอีก ไม่ว่าจะเป็น  Senno Knife ที่เน้นเขียนมังงะโลลิที่ลายเส้นคล้าย ๆ มังงะเเนว Shojo (มังงะเเนวตาหวานที่นิยมกันในช่วงยุค 70) ,Hariken Ryū นักเขียนผู้เน้นความเป็นไซไฟ ผสมฉากต่อสู้ รวมไปถึง Muraso Shunichi นักเขียนที่ผสานความเป็นสยองขวัญเข้ากับตัวละครที่เป็นโลลิ

Andro Trio

โดยในช่วง โลลิคอนบูม นั้นไม่เพียงเเต่จะมีนักเขียนเเนวนี้เพิ่มขึ้น ในอีกเเง่ มันยังทำให้เกิดอนิเมะเเละวิดิโอเกมตามมาด้วย โดยในปี 1984 สตูดิโออย่าง Wonder Kids ก็ได้ปล่อยอนิเมะเรื่อง Lolita Anime ออกมา ซึ่งถือว่าเป็นอนิเมะเชิงอิโรติคเรื่องเเรกที่เป็น OVA (อนิเมะที่มีเเต่เเผ่นเท่านั้น ไม่ฉายทาง TV หรือโรงภาพยนตร์) เเละที่สำคัญเรื่องนี้เป็นเเนวโลลิด้วย

นอกจากอนิเมะเเล้ว ในวงการเกมก็ยังมีเกม Eroge (เกมที่มีเนื้อหาอีโรติคสำหรับผู้ใหญ่) ที่ผลิตขึ้นมาท่ามกลางกระเเสของโลลิค่อนบูม  ไม่ว่าจะเป็นเกม Lolita Syndrome ที่จัดจำหน่ายโดย Enix บนเครื่อง PC-8801 , เกม My Lorita ที่จัดจำหน่ายโดย Koei รวมไปถึงเกม Lolita: Yakyuken ที่เป็นเกมเเนวเป้ายิ้งชุบ เเละเป็นเกมที่มีภาพอนิเมะสีเกมเเรก ๆ

Lolita Syndrome ที่จัดจำหน่ายโดย Enix

อย่างไรก็ตามกระเเส โลลิคอนบูม ก็ไม่อยู่ตลอดไป เพราะหลังจากปี 1984 กระเเสนี้ก็เริ่มดรอปลง จากหลายสาเหตุด้วยกัน เเต่หลัก ๆ จะมาเทรนด์ที่เปลี่ยนไปเสพพวกมังงะเเนวอื่นเเทน ยิ่งไปกว่านั้นในปี 1989 ญี่ปุ่นยังเกิดคดี “โอตาคุนักฆ่าขึ้น” ซึ่งเป็นคดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่นาย ซึโตมุ มิยาซากิ ได้ลงมือก่อเหตุฆ่าข่มขืนเด็กผู้หญิงหลายราย โดยสำนักข่าวต่าง ๆ ได้เชื่อมโยงคดีนี้กับสื่อเเนวโลลิเเละรสนิยมของตัว มิยาซากิ เอง ที่ในตอนนั้นถูกเรียกว่า โอตาคุ ทีนี้หลังจากคดีนี้เป็นข่าวดัง คำว่า “โอตาคุ” เเละ “โลลิคอน” ก็เลยกลายเป็นคำในเชิงลบ ไปจนถึงเป็นคำเเสลงที่เอาใช้ดูถูกหรือล้อเลียน โดยเฉพาะคำว่า “โลลิคอน” ที่นับเเต่นั้นมา ผู้คนก็เข้าใจว่ามันมีความหมายว่าเท่ากับ “เปโด” ไปเเล้ว

 ซึโตมุ มิยาซากิ

ไม่เพียงเท่านั้น  พอเข้าสู่ยุค 90-2000 ญี่ปุ่นก็เริ่มเอาจริงเอาจังกับพวกสื่อที่มีเนื้อหาอันตรายมากขึ้น โดยมีกฏหมายระบุให้มีการติดฉลากมังงะสำหรับผู้ใหญ่ ว่าง่าย ๆ นับเเต่นี้ไป มังงะสายมืดจะเเยกขาดจากสายสว่างอย่างชัดเจน โดยมีเพียงเเค่สายสว่างเท่านั้น ที่สามารถนำมาวางจำหน่ายตามร้านค้าต่าง ๆ ได้อย่างโจ่งเเจ้ง ส่วนมังงะสายมืดนั้น ก็ถูกผลักให้ไปอยู่พื้นที่ชายขอบ ซึ่งก็ไม่ต้องพูดถึง พวกมังงะโลลิสายมืดเลย เพราะนี่คือส่วนที่อยู่ใต้ดินอย่างเเท้จริง เพราะนอกจากญี่ปุ่นจะมีกฏหมายติดฉลากเเล้ว ในปี 1999 ญี่ปุ่นยังได้ออกกฏหมายว่าด้วยสื่อลามกเด็กด้วย ซึ่งเเม้มันจะมีข้อยกเว้นกับพวกงานวาดอยู่บ้าง เเต่การเพ็งเล็งนี้ก็ส่งผลต่อพวกสื่อโลลิสายมืดโดยตรง

พูดง่าย ๆ นับเเต่ยุคนี้เป็นต้นไป สื่อโลลิคอนจะเเตกออกเป็นสองสาย ระหว่างสายสว่าง กับสายมืด โดยสายมืดจะยิ่งทวีความรุนเเรงของเนื้อหาขึ้นเรื่อย ๆ เพราะไหน ๆ มันก็ต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ อยู่เเล้ว ส่วนสายสว่างจะถูกส่งต่อเป็นเเนวโมเอะ ที่เอาพวกตัวละครสายโลลิ ไว้ เเต่จะตัดพวกเรื่องอย่างว่าทิ้งไป โดยอาจจะมีความรักกุกกิ๊ก หรือคงฉากเซอร์วิสเอาไว้บ้าง เเต่หลัก ๆ จะขายความน่ารักของตัวละครเป็นหลักครับ

Blue Archive

อ้างอิง : Galbraith, P. (2020). Erotic Comics in Japan: An Introduction to Eromanga.
Galbraith, P. (2014). The Moe Manifesto: An Insider's Look at the Worlds of Manga, Anime, and Gaming. 

แชร์เรื่องนี้:
Trollนะคะ
Trollนะคะ

Content Writer

เรื่องที่เกี่ยวข้อง