ในพอดแคสต์ตอนล่าสุดของสตูดิโอ Nightdive Studios, John Romero นักพัฒนาระดับตำนานได้เปิดเผยถึงเส้นทางที่เขาไม่ได้เลือกเดิน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจทั้งในอาชีพของเขาเองและในประวัติศาสตร์วงการเกมโดยรวม: Paul Neurath ผู้ก่อตั้ง Looking Glass Studios (ผู้สร้าง System Shock, Thief) เคยชวน Romero ให้ร่วมก่อตั้งบริษัทกับเขา แต่ Romero ได้มีข้อผูกมัดก่อนหน้านั้นแล้ว
เว็บไซต์ PCGamer รายงานว่า นักพัฒนาทั้งสองเคยทำงานที่ Origin Systems ซึ่งเป็นสตูดิโอเกม PC พื้นฐานที่ก่อตั้งโดย Richard Garriott ผู้สร้าง Ultima "ผมได้งานที่นั่นในปี 1987" Romero กล่าว "งานแรกของผมคือการพอร์ตเกม 2400 AD จาก Apple 2 ไปยัง Commodore 64" หลังจากที่การพอร์ตนี้ถูกยกเลิก Romero ก็ได้รับมอบหมายให้ทำงานกับเกม Space Rogue ร่วมกับ Neurath
Origin มีสำนักงานในออสติน เท็กซัส และซาเลม นิวแฮมป์เชียร์ แต่ได้ปิดสำนักงานที่ซาเลมและย้ายพนักงานไปยังเท็กซัสในปี 1989 มีรายงานว่า Neurath ไม่ต้องการที่จะย้ายออกจากนิวอิงแลนด์ จึงได้แยกทางกับ Origin และก่อตั้งบริษัทเกมใหม่ในสำนักงานเก่าของพวกเขาในชื่อ Blue Sky Productions ซึ่งต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น Looking Glass ส่วน Romero ก็ได้ออกจากบริษัทเพื่อก่อตั้งสตาร์ทอัพกับเพื่อนร่วมงานอีกคนจาก Origin ในชื่อ Inside Out Software
"Paul ได้ถามผมก่อนที่ผมจะลาออกว่าผมต้องการจะเริ่มต้นบริษัทกับเขาหรือไม่ และผมก็ได้บอกเขาไปว่าผมได้สัญญากับผู้จัดการของผม [ที่ Origin] ไปแล้วเมื่อสัปดาห์ก่อนว่าจะก่อตั้งบริษัทด้วยกัน" Romero กล่าว "แต่เขาก็กำลังจะเริ่มต้น Blue Sky Productions"
ดังที่ Larry Kuperman รองประธานฝ่ายพัฒนาธุรกิจของ Nightdive ได้ชี้ให้เห็นในการสัมภาษณ์ นี่อาจจะเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญในประวัติศาสตร์วงการเกม: Romero อาจจะได้ทำงานกับ Ultima Underworld และ System Shock แทนที่จะเป็น Commander Keen, Wolfenstein และ Doom
แต่ในความเป็นจริง Romero ก็ได้ออกจาก Inside Out ในที่สุดเพื่อไปร่วมงานกับบริษัทซอฟต์แวร์ Softdisk ที่ซึ่งผู้ก่อตั้ง id Software ในอนาคตทั้งหมดจะได้ทำงานร่วมกัน และ Looking Glass กับ id ก็ได้กลายมาเป็นคู่แข่งที่เป็นมิตรกันในการพัฒนาเกม 3 มิติ มุมมองบุคคลที่หนึ่งยุคแรก ๆ บน PC
ที่มา PCGamer
