บทสวดส่งวิญญาณสู่ความกลัว: ลองแล้วเล่ากับ Resident Evil: Requiem

Resident Evil 9: Requiem เป็นเกมภาคหลักลำดับที่ 9 ในชุด Resident Evil ที่ต้องการจะนำพาซีรีส์เกมชุดผีชีวะนี้ ไปในทิศทางดั่งเดิม และเติมเต็มความพยายามที่จะนำซีรีส์นี้ ให้กลับไปสู่รากฐานของเกม Survival Horror ให้เหมือนดั้งเดิม ซึ่งทางเรา Gamer Inside เอง ก็ได้มีโอกาสเข้าร่วมทดลองเล่น Demo ของตัวเกม ณ งาน Tokyo Game Show 2025

ทำให้ทั้งนี้ทางเรา จึงอยากที่จะหยิบยกนำเอาความรู้สึกที่ได้สัมพัสกับตัวเกมมาบอกต่อ ถึงความหลอน และความน่ากลัวให้ทุกท่านได้อ่านกันครับ

การกลับสู่รากเหง้าสยองขวัญ

พูดได้เลยว่าตัวเกมในภาคนี้นั้น มีความเป็น Old School ของเกมซีรีส์ Resident Evil ในไตรภาคแรกๆ อยู่สูงมาก มันเลยทำให้กลายเป็นการสร้างความตึงเครียดแบบตัวคนเดียว ในระดับที่สูงขึ้น ทำให้มันเป็นการเน้นย้ำ ถึงองค์ประกอบสุดสำคัญที่ในภาคหลังๆ ได้หายไป อย่าง การเล่นกับความสยองขวัญ เชิงจิตวิทยานั่นเอง 

อีกทั้งใน Demo ที่ทางเราได้สัมผัสมานั้น ก็จะมีปริศนาแบบคลาสสิกที่ต้องใช้กุญแจ ฟิวส์ หรือสิ่งของต่างๆ ในการดำเนินการต่อ นี่ยังไม่รวมไปถึงการจัดสรรทรัพยากร ที่ถึงแม้ใน Demo จะยังมีสิ่งของให้หยิบจับเพียงไม่กี่อย่าง แต่มันก็ทำให้เราได้เห็นถึงการกลับมาของ Green Herb การใช้ขวดขว้างปาเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของศัตรู และเข็มฉีดยาที่ทางเราคาดว่ามันคือตัวกันกับที่ Chris Redfield ได้ใช้ในช่วงท้ายของภาค Resident Evil: Village

ศัตรูหลักที่จะคอย Stalker ผู้เล่นในภาคนี้นั้น ก็มีความน่ากลัวเป็นอย่างมากทั้งรูปร่างสูงผิดรูป สวมชุดขาว มีโซ่ตรวน เคลื่อนไหวได้ทั้งบนพื้น และเพดาน ซึ่งตอนที่ได้เผชิญหน้ากับมันใน Demo นั้น มันก็เป็นอะไรที่น่าระทึกเป็นอย่างมาก ตัวของ AI ดูฉลาดจากการที่มันพยายามค้นหาผูเล่นด้วยกลิ่น การไวต่อการได้ยินเสียง และทำลายสิ่งกีดขวางเพื่อตามล่าเรา และแม้ว่ามันจะมีจุดอ่อนอย่างการตอบสนองต่อแสงที่รุ่นแรง แต่ก็ต้องขอเตือนเลยว่าแสงสว่างที่มีอยู่ในแต่ละห้องนั้น มันไม่ได้มีอยู่อย่างถาวร เพราะมันสามารถเกิดอาการไฟตกได้ ทำให้ผู้เล่นต้องใช้ไฟ หรือขวดแก้ว มาเบี่ยงเบนความสนใจของศัตรู ในการเอาตัวรอด ในแต่สถาณะการ กลับกันเราก็ยังไม่ได้เห็นเหล่าศัตรูธรรมดา กับระบบการต่อสู้เลยแม้แต่น้อย ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ต้องมารอดูกันต่อไปในอนาคต

มุมมองการเล่นที่ปรับเปลี่ยนได้ 

ตัวเกมในภาค Requiem นี้ได้มีหนึ่งในจุดชูโรงที่หน้าสนใจเป็นอย่างมาก นั่นคือผู้เล่นสามารถสลับมุมมองระหว่าง มุมมอง First Person และ มุมมอง Third Person ได้ตลอดเวลาผ่านเมนูตั้งค่า เช่นเดียวกับที่เพิ่มเข้ามาใน Resident Evil: Village ทำให้ผู้เล่นสามารถเลือกสไตล์การเล่นที่ตนเองถนัดได้ อย่างหากใครที่ต้องการความสยอง และความตื่นเต้นจนถึงขีดสุดก็สามารถเล่นผ่านมุมมองแบบ First Person ได้ แต่ถ้าหากใครที่เป็นสายขี้กลัวไปสักหน่อย และอาจจะมีอาการอย่าง Motion sickness มุมมองแบบ Third Person นั้นก็พร้อมที่จะมาช่วยให้ผู้เล่น เล่นเกมในภาคนี้ได้อย่างสบายใจขึ้น ที่มันก็ยังคงความลุ้นละทึกได้เกือบจะเท่าเดิมเลย

ตัวละครใหม่ และเนื้อเรื่องที่ซับซ้อน

ตัวเอกสาวคนใหม่อย่าง Grace Ashcroft นั้น จากข้อมูลที่มีอยู่ในตอนนี้ก็จะบ่งบอกได้ว่า เธอเป็นนักวิเคราะห์ข่าวกรองของ FBI และเป็นลูกสาวของ Alyssa Ashcroft หนึ่งในตัวละครหลักจากเกม Resident Evil: Outbreak โดยตัวของ Grace นั้น เธอก็จะมีลักษณะที่เก็บตัว และขี้กลัว ซึ่งการมีตัวเอกที่เป็นประเภทนี้นั้น มันก็จะมีส่วนที่จะทำให้ผู้เล่นสามารถสัมผัส และเข้าใจถึงความสยองขวัญจากมุมมองเดียวกับตัวละครได้ แต่ทั้งนี้ Grace นั้นก็ไม่ได้อ่อนแอซะทีเดียว เนื่องจากที่เธอเป็น FBI มันก็ได้ทำให้ตัวของเธอนั้นก็จะมีความใจสู้ต่อศัตรู และอุปสรรค์ที่รออยู่เบื่องหน้าอยู่ ซึ่งมันจะให้อารมณ์คล้ายๆ กับ Lara Croft จากซีรีย์เกมชุด Tomb Raider ในไตรภาครีบูธนั่นเอง

และก็ปฏิเสธไม่ได้เลย กับข่าวลืออันหนาหูเกี่ยวกับ Leon S. Kennedy ว่าตัวของเขานั้น อาจมาปรากฏตัว หรือเป็นตัวละครที่เล่นได้ในส่วนที่มีความเป็นแอ็กชันมากขึ้น ซึ่งเนื้อเรื่องของเขาก็อาจเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่แตกต่างกันกับ Grace ก็เป็นได้เพราะทั้งนี้ใน Demo ก็ยังไม่เห็นถึงเบาะแส หรือการกล่าวถึงแต่อย่างใด

ท้ายที่สุดนั่นก็คือเนื้อเรื่อง ที่ในภาคนี้จะย้อนกลับไปที่ Raccoon City ที่ถูกทำลายไปเมื่อ 30 ปีก่อนด้วยขีปนาวุธ ซึ่งมันก็ได้กลายเป็นฉากหลังที่สำคัญ และน่าสนใจเป็นอย่างมากในเกมภาคนี้ อีกทั้งสถานที่ ที่ Grace ได้ฟื้นขึ้นมาก็มีลักษณะที่คล้ายกับ สถาณีตำรวจ หรือเล็บทดลองอีกด้วย ซึ่งก็เป็นเรื่องที่คงต้องติดตามกันต่อไปว่าเส้นทางของเกมในภาคนี้นั้นจะไปจบลงที่ไหน และจะปูไปสู่ตัวเกมภาคถัดไปยังไง

วิวัฒนาการด้านกราฟิก

ส่วนของกราฟิก และแสงเงาของ Resident Evil: Requiem นั้น พูดออกมาได้ปากเลยว่า RE Engine รุ่นใหม่อย่าง RE neXt มันได้ทำให้เกมตัวเกมสามารถโชว์ศักยภาพ ของแสงเงา และพื้นผิวของวัตถุออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นตัวของแสงไฟจากซิปโป้ที่การตกกระทบสมจริงในระดับภาพยนตร์ พื้นที่มืดที่มืดแบบจริงๆ จนเราจะเห็นได้แค่เพียงมือเอื้อม รวมถึงรายละเอียดของตัวละครที่ซับซ้อน เช่น การแสดงออกทางสีหน้าที่ดูดีขึ้นมาก ผิวหนังของตัวละคร รายละเอียดของหยดเหงื่อก็ดูดีสมจริง และชัดเจน ทำให้มันกลายเป็นการเพิ่มระดับความดื่มด่ำให้กับตัวเกมได้ดีขึ้นเป็นอย่างมาก

บทสรุปการสวดส่งวิญญาณสู่ความกลัว

ทั้งนี้ ถ้าหากจะให้กล่าวถึง Resident Evil: Requiem หลังจากที่ได้สัมผัส Demo ณ งาน Tokyo Game Show 2025 ก็สามารถอนุมานออกมาได้ว่า Resident Evil: Requiem นั้น ได้เลือกที่จะกลับเข้าสู่เส้นทางของความสยองขวัญเอาชีวิตรอดที่แท้จริง อย่างการกลับมาเน้นย้ำที่องค์ประกอบ Survival Horror แบบคลาสสิก, ปริศนา, และ การจำกัดทรัพยากร ทำให้เกมมีความตึงเครียดและท้าทายมากขึ้น

อิสระในการเล่นก็มีเยอะขึ้น เพื่อต้อนรับเหล่าผู้เล่นหน้าใหม่อย่างตั้งค่าสลับระหว่างมุมมอง First Person และ Third Person ได้อย่างอิสระ ทำให้ผู้เล่นที่ชอบสไตล์เก่าหรือใหม่สามารถสนุกกับเกมได้ตามความชอบ

การเล่าเรื่องก็ดูน่าดึงดูด ด้วยการแนะนำตัวละครหลักคนใหม่ที่ อ่อนแอ ขี้กลัว แต่ใจสู้ ที่น่าจะเป็นนำเสนอมุมมองใหม่ของความสยองขวัญได้อย่างดีเยี่ยม พร้อมทั้งการกลับมาของ Raccoon City และความเป็นไปได้ของเนื้อเรื่องที่มีความซับซ้อน และอาจจะเป็นการเชื่อมโยงกันในสองช่วงเวลา (หรือเปล่า?)

คุณภาพที่ดูสวยสมจริงขึ้น จา RE neXt Engine ที่จะมอบประสบการณ์ที่ น่าสะพรึงกลัว และสมจริง ที่สุดเท่าที่เคยมีมาในซีรีส์ AI ของศัตรูที่ฉลาดขึ้น ก็ทำให้ผู้เล่นจะต้องแสดงดึงเอาความกล้า เรียนรู้ และปรับตัวมาใช้เพื่อต้อสู้กับศัตรู ทำให้การเผชิญหน้ามีความท้าทาย และไม่ซ้ำซาก รวมไปถึง Replay Value ที่สูงเพราะ มีความเป็นไปได้ที่จะมี ฉากจบหลายแบบ และตัวเลือกที่ส่งผลต่อเนื้อเรื่อง รวมถึงการมี ตัวละครที่เล่นได้หลายคน ทั้ง Grace และ Leon 

ทำให้ทั้งหมดทั้งมวลที่ได้กล่าวออกมานั้น กลายเป็นการปรุงแต่ง และเติมเต็มสีสัน และรสชาติใหม่ๆ ให้กับ Resident Evil: Requiem ที่กำลังจะมาให้เรา เหล่าผู้เล่นทุกคนได้สัมพัสกันในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2026 นี้ แฟนๆ Resident Evil ทั้งหลายห้ามพลาด!