แม้ว่าจะไม่ได้ใช้ชื่อ Good Old Games อย่างเป็นทางการแล้ว แต่แพลตฟอร์ม GOG ยังคงมุ่งมั่นในการอนุรักษ์และนำเกมคลาสสิกกลับมาวางจำหน่ายบน PC ควบคู่ไปกับเกมใหม่ๆ โดยล่าสุดได้มีการเปิดเผยถึงความท้าทายในการทำงานร่วมกับบริษัทเกมจากประเทศญี่ปุ่น
เว็บไซต์ PCGamer รายงานโดยอ้างอิงบทสัมภาษณ์จาก Automaton ว่า Piotr Gnyp, Senior PR Representative ของ GOG, ได้เล่าถึงความพยายามของบริษัทในการนำเกมในตำนานกลับมาสู่มือผู้เล่นอีกครั้ง "GOG ทำสิ่งนี้มานานกว่าทศวรรษแล้ว และเราพยายามติดต่อเพื่อนำเกมที่เป็นสัญลักษณ์กลับมาอยู่เสมอ บางครั้งมันใช้เวลาหลายปี Diablo มาลงที่ GOG ได้หลังจากการพูดคุยนานเกือบสิบปี"

ความท้าทายในการทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ญี่ปุ่น
GOG ประสบความสำเร็จในการนำเกมญี่ปุ่นที่หาเล่นได้ยากในฝั่งตะวันตกกลับมาวางจำหน่ายได้หลายเกม เช่น Silent Hill 4: The Room, Metal Gear ภาคแรก ๆ, Dino Crisis, และ Resident Evil สามภาคแรก "การทำงานกับพาร์ทเนอร์ญี่ปุ่นมักจะต้องมีการแสดงให้เห็นถึงความสามารถทางเทคนิคและความเข้าใจในวัฒนธรรม" Gnyp กล่าว "ในกรณีนี้ Capcom ปฏิบัติกับการเปิดตัวเหล่านี้เหมือนเป็นการเปิดตัวเกมใหม่เต็มรูปแบบ ดังนั้นเราจึงต้องผ่านกระบวนการ QA และการรับรองที่สมบูรณ์ เหมือนกับที่เราทำกับเกมใหม่แกะกล่อง"
Gnyp เสริมว่า ในกรณีส่วนใหญ่ ทีมเทคนิคภายในของ GOG จะเป็นผู้รับผิดชอบในการพอร์ตและปรับปรุงเกมให้สามารถทำงานบนระบบปฏิบัติการสมัยใหม่และรองรับคอนโทรลเลอร์ได้ เพื่อให้แน่ใจว่าประสบการณ์ที่ได้จะยังคงความเป็นต้นฉบับ แต่ก็ใช้งานได้จริงสำหรับผู้เล่นในปัจจุบัน

ปัญหาการถูกถอดถอนเกม
อย่างไรก็ตาม Gnyp ยอมรับว่าไม่ใช่ทุกเกมที่จะอยู่บน GOG ได้ตลอดไป บางเกมถูกถอดออกไปโดยผู้จัดจำหน่ายเอง เช่น Warcraft 1 & 2 ที่ถูกดึงกลับโดย Blizzard นอกจากนี้เขายังแสดงความกังวลต่อการที่เกมอาจจะหายไปเนื่องจาก "แรงกดดันจากภายนอก" ซึ่ง GOG มองว่าเป็นปัญหาสำคัญต่อการอนุรักษ์เกม